EP.9

-9-

            “เฮ้! คิริโนะ! นายเหม่ออะไรของนายอยู่น่ะ?!!” คุรามะตะโกนถามเพื่อนตำแหน่งกองหลังของฝั่งตัวเอง
            “อะ..ขอโทษทีนะ” คิริโนะหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วตอบคุรามะไป แต่สีหน้ากลับแสดงถึงตะกอนความคิดที่ตกค้างอยู่ในหัว
            “คิริโนะไปพักข้างสนามก่อนเถอะ ฉันว่าวันนี้นายไม่ไหวที่จะซ้อมต่อนะ” โค้ชเอนโดเดินเข้ามาจับบ่าขอองคิริโนะ
            “ครับโค้ช” เขารับคำแล้วเดินไปนั่งที่ข้างสนาม
            ฟึ่บ
            เมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างสนาม เขาก็เข้าสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง...
            [คิริโนะ]
            เมื่อกี้ผมโดนโค้ชไล่ให้ออกมาจากสนาม...อันที่จริงมันก็ไม่เชิงไล่หรอก แต่มันก็... ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมตอนนี้มานั่งข้างสนามแล้ว
            ตอนที่อยู่ในห้องอาบน้ำของชมรม...
            หมอนั่น...
            บ้าชิบ!
            ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องมาจะเกิดเร็วขนาดนี้ คิดไว้อยู่แล้วว่ากับคาริยะ ตราบใดที่อยู่กันสองต่อสองต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ๆ ทั้งที่พยายามเลี่ยงแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องของแม่ขึ้นเสียก่อน แถมทาคุโตะยังไม่อยู่บ้านในช่วงเวลาแบบนี้อีก จะไปค้างบ้านคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะผมไม่ได้สนิทด้วยขนาดนั้น จะค้างกับเทนมะก็ไม่ได้อีก ถึงสึรุงิจะให้ความเคารพกับผมในฐานะรุ่นพี่ แต่เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใครเท่าไหร่ เพราะงั้นตัวเลือกสุดท้ายของผมจึงเป็นคาริยะ
            รุ่นน้องที่ตกหลุมรักผมหมดหัวใจ...
            จากที่ได้มาค้างกับเขาหนึ่งคืน...นับว่าอันตราย
            ทั้งทางกาย
            ...และทางใจ
            ถึงผมจะรักทาคุโตะ แต่กับคาริยะผมเองก็หวั่นไหวบ้าง... ขอย้ำอีกทีว่า หวั่นไหวบ้าง... คือ..จะว่ายังไงดีล่ะ คาริยะก็นับว่าหน้าตาดีเลยนะ หล่อเจ้าเล่ห์ น่ะ...
            ผมมองไปที่สนาม คาริยะกำลังพยายามกันไม่ให้สึรุงิเตะบอลเข้าโกลได้ หยาดเหงื่อเกาะรอบใบหน้าของเขา เมื่อกระทบกับแสงแดดสีส้มยามเย็นแล้ว เขาก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ คิ้วขมวดเป็นปม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูหล่อและมีเสน่ห์ไปหมด
            หากทาคุโตะคือคุณชายที่แสนดี คาริยะก็คงเป็นคุณชายเอาแต่ใจ
            เจ้าเล่ห์ด้วย...
            แววตาที่เขามองสึรุงิเต็มไปด้วยความกดดัน แตกต่างกับเมื่อกลางวันนี้โดยสิ้นเชิง
            ดวงตาสีเหลืองหม่นที่มีแต่ความสนุกสนานและหยอกล้อ บางครั้งก็ปรากฏเป็นความรู้สึกที่อ่านยาก แต่ก็พอเดาได้
            รัก โกรธแค้น หึงหวง แย่งชิง แผนการ
            อะไรกันนะ..?
            ในตอนนั้น...ความรู้สึกแบบไหนกัน ที่เขาต้องการสื่อให้ผมเข้าใจ
            หากผมเลือกรักคนหนึ่ง และตอบแทนความรักของอีกคนหนึ่ง แน่นอนว่าตอนจบคงเหมือนกับโลกทั้งโลกพังทลาย แต่จะเป็นโลกของใคร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
            เฮือก!
            ผมสะดุ้งพร้อมกับขนลุกชันทั้งแขนและขา เนื่องมากจากความเย็นของขวดน้ำที่แนบแก้มของผมอยู่
            “มีเรื่องอะไรให้คิดเหรอครับ?” คนที่เอาขวดน้ำเย็นมาแนบแก้มผมว่าแล้วฉีกยิ้มกว้างให้
            เส้นผมสีฟ้ากับหยาดเหงื่อที่ใบหน้าและลำคอกระทบกับแสงสีส้มของแดด ดวงตาสีเหลืองหม่นที่ควรออกมาทอประกายแข่งกับแสงแดดถูกเปลือกตาปิดไว้ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง
            ตึกตัก ตึกตัก
            อา...ชักไม่ดีแล้วสิ
            ผมเบือนหน้าหลบภาพชวนใจเต้นนั่นแล้วถามออกไป
            “ซ้อมเสร็จแล้วเหรอไง?”
            “ครับ กลับกันเลยมั้ยครับ?”
            “อืม” ผมครางในลำคอกลับไป แล้วลุกขึ้นไปเพื่อจะไปเก็บเสื้อผ้าที่โดนไอศกรีมในตึกชมรม

#relationship

            ฟึ่บ ฟึ่บ
            ผมจัดการหยิบเสื้อผ้าใส่ลงถุงพลาสติก และเนื่องจากว่าวันนี้ทุกคนใส่ชุดกีฬามาอยู่แล้ว เลยไม่มีธุระอะไรที่ต้องเข้ามาในตึก เพราะงั้นเลยมีผมอยู่คนเดียว แหงล่ะ คนอื่นแยกย้ายออกไปนอกโรงเรียนกันหมดแล้วนี่ แต่ยกเว้นไว้คนหนึ่ง...
            “ไม่มีใครอยู่แล้วนะครับรุ่นพี่”
            รู้สึกถึงอันตรายทุกครั้งที่อยู่กับหมอนี่สองต่อสอง...
            เริ่มหวั่นๆว่าจะเป็นเหมือนเมื่อกลางวันแล้วสิ...
            ไม่ดีแ--!!!
            พลั่ก!
            โครม!
            ผมถูกคาริยะผลักติดล็อกเกอร์ข้างๆล็อกเกอร์ของผม ถุงที่ใส่ชุดอยู่ถูกปล่อยให้อยู่บนพื้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
            อยู่ๆก็รู้สึกว่าเม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าและแผ่นหลัง มือเท้าเริ่มเย็นเฉียบ หัวใจเต้นอย่างลุ่นระทึกปนความหวาดกลัว
            แย่แล้ว! แย่แล้ว! แย่แล้ว!
            คาริยะจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้ติดกับล็อกเกอร์ แรงที่เขาใช้มันมากพอที่จะทำให้ผมหนีไปไหนไม่ได้ แถมเจ็บอีกต่างหาก
            “ขนาดล้างตัวด้วยน้ำประปาธรรมดายังมีกลิ่มหอมอ่อนๆออกมาเลยนะครับ” เขาโน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูผมแล้วสูดดมซอกคออย่างเสียมารยาท เกลียดที่สุด
            “นับวันนายยิ่งทำตัวน่าขยะแยงนะคาริยะ” ผมพูดพร้อมใช้มือยันหน้าเขาออกจากซอกคอของผม แต่เขากลับแลบลิ้นเลียตามซอกนิ้วมืออย่างไม่นึกรังเกียจ จนมันทำให้ผมรู้สึกวูบตรงท้องน้อย พยายามจะชักมือกลับแต่เขาก็คว้าข้อมือผมไว้ แล้วไล่จูบขึ้นมาจนถึงข้อแขนก่อนที่จะเลิกเสื้อผมขึ้น ผมปัดมือของเขาออก
            คาริยะนิ่งไป ก่อนที่จะแสยะยิ้มร้ายออกมา...
            นี่สิแย่ของจริง!?!
            ผมเหงื่อตกทันทีที่เห็นรอยยิ้มนั่น สายตาเริ่มสอดส่องหาทางหนีทีไล่เอาไว้
            “หาไปก็เท่านั้นแหละครับ ต่อให้เจอ...รุ่นพี่ก็หนีผมไม่ได้อยู่ดี”
            ย..ยิ้มหวานไปอีก..
            “ไม่แน่หรอกโว้ย!
            พลั่ก!!
            ผมผลักคาริยะออกไป ร่างของเขาเซไปข้างหลัง ในขณะที่กำลังจะล้มลงไปนอนกับพื้น คาริยะก็ฉุดผมลงมาด้วย
            ไม่นะ! อุตส่าห์หลุดมาได้!
            พรึ่บ
            ตัวของผมล้มทับเขาอีกที ส่งผลให้หน้าผมซบอยู่ตรงอกของเขา
            ตึกตัก ตึกตัก
            หัวใจของคาริยะเต้นแรงมากเลย...
            ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตาสีเหลืองหม่นๆนั่น อะไรกัน...ขนาดมองมุมนี้ยังหล่อเลย...
            “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ..?” เขาถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน... นี่ผมตามอารมณ์ของเขาไม่ทันแล้วนะ!!
            “ไม่ ว่าแต่นายเถอะ เป็นไบโพล่าเหรอ? เปลี่ยนอารมณ์จนฉันตามไม่ทันแหนะ”
            “ถามแบบนี้” คาริยะเอาแขนข้างหนึ่งกอดที่เอวของผมก่อนที่จะพูดต่อ “...แปลว่ารุ่นพี่ชอบผมแบบนั้นเหรอครับ...”
            “ไม่ใช่แบบนั้น!!!” ผมโพล่งขึ้นแทบจะทันที
            “แล้วแบบไหนรุ่นพี่ถึงจะชอบผมเหรอครับ” เขาเอามือข้างที่ไม่ได้กอดเอวมาทัดปอยผมกับหู
            “เหลวไหลน่า... ฉันว่าเราก็กลับกันเถอะ นี่ก็เย็นแล้ว...” ผมว่าแล้วลุกขึ้นไปเก็บถุงเสื้อถ้าที่ทำหล่นไว้ขึ้นมา และเดินไปที่หน้าประตู
            ผมหยุดรอเขาอยู่ตรงนั้นมองเขาที่ลุกขึ้นและเดินตามผมมา...
            ถึงจะงงๆกับการเปลี่ยนอารมณ์ของเขา...

#relationship

            คืนนี้ผมจะค้างกับคาริยะเป็นคืนสุดท้าย ตัดสินใจแล้วล่ะ ว่ายังไงเราก็หนีปัญหานั้นไม่พ้นจริงๆ ทำไมถึงคิดว่าหนีไม่พ้นน่ะเหรอ?
            ...ตอนที่ผมกับคาริยะมาถึงห้องพัก มือถือของผมก็ดังขึ้นมา บนจอเป็นเบอร์แปลก ปกติแล้วผมไม่ชอบรับเบอร์แปลกเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้นิ้วของผมกดรับสายนั้น
            “สวัสดีครับ”
            (รันมารุใช่มั้ย?)
            ปลายสายที่เป็นเสียงผู้ชายเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากผมออกจากบ้านไป เขาบอกว่าแม่นั่งรอให้ผมกลับบ้านทั้งคืน เช้าวันนี้ไม่ยอมกินอะไรเลย แถมยังเอาแต่ร้องไห้จนหลับไป ตอนบ่ายตื่นมาก็พบไข้ขึ้นสูง เขาเลยต้องอยู่เฝ้าแม่ เหอะ...ผู้ชายคนนั้น...
            คุณหมอมาซาโอมิ
            เขาแนะนำตัวเองว่าอย่างนั้น
            หลังจากที่เขาบอกเล่าเรื่องราวเสร็จ ผมก็ตัดสายทันที เพราะผมไม่อยากคุยกับคนที่แย่งแม่ของผมไปจากพ่อหรอกนะ
            “เฮ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
            มีคาริยะเข้ามาในชีวิตไม่เท่าไหร่ ตัวผมก็เริ่มแปลกไปจากทุกที ทั้งสัมผัสตรงนั้นที่หลงเหลืออยู่...
            อ๊ากกกกกกก!!!
            ผมเอาหน้าซุกกับมือตัวเอง เป็นไปได้ก็ไม่อยากเงยขึ้นมาเลย
            ยิ่งนึกถึงคาริยะ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาก็จะยิ่งผุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ
            ดวงตาคู่นั้น...มักจะฉายแววเจ้าเล่ห์
            ริมฝีปากของเขา...มักจะเผยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ
            ทุกอย่างของเขา...มันเริ่มดึงดูดผมช้าๆจนเริ่มหวั่นใจ....
            ฟู่ว~
            เฮือก!
            ผมสะดุ้งเพราะลมที่เป่ารดต้นคอ เมื่อหันหน้าไปก็พบคนที่ผมกำลังคิด—นึกถึงอยู่พอดี
            “เล่นอะไรของนายเนี่ย! ฉันตกใจนะ!!” ผมเริ่มเหวใส่เขาทันทีที่เห็นสภาพผ้าขนหนูห่มเอวผืนเดียว
            บ้าชิบ! ผมจะหน้าร้อนทำไมเนี่ย?!
            หันหน้าหนีแล้วกัน...
            ฟึ่บ
            “รุ่นพี่นี่...น่ารักจังเลยนะครับ” เขาพูดพร้อมจับคางของผม เพื่อให้มาเผชิญหน้ากับเขา
            “ร..รู้แล้วน่า..” รอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนั้นทาคุโตะก็มี ไม่ต้องเขิน!
            “อา...เรื่องวันนี้...” เขาพูดค้างไว้แล้วนั่งคุกเข่าตรงหน้า “..ผมขอโทษนะครับ...”
            เรื่องวันนี้...
            บ้าที่สุด!
            ผมไม่ได้โกรธเขาเลย!
            คาริยะกอดขาผมแน่น แล้วเอาหน้าแนบกับต้นขา วันนี้ผมใส่กางเกงขาสั้น เลยทำให้ลมหายใจอุ่นๆของเขาเป่าต้นขาของผมอยู่ตลอด แถมหัวเปียกๆของเขามันยังใกล้ของสงวนของผม รู้สึกวูบๆตรงท้องน้อยอีกแล้ว...
            “เฮ้! ไปแต่งตัวก่อนสิ! เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ผมไล่เขาพร้อมกับข้ออ้างที่เพิ่งคิดเสร็จหมาดๆ
            “เป็นหวัดก็ดีสิครับ รุ่นพี่จะได้อยู่ดูแลผม ใจดีกับผม” เขาว่าพลางเอาหน้าซุกตรงร่องต้นขา จมูกของเขาถูไปมากับต้นขาของผม เฮ้ยๆๆ!!! มันสุ่มเสี่ยงเกินไปแล้ว!!!
            “หยุดเลยคาริยะ! ไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้!” ผมชี้นิ้วสั่งเขา แต่เดี๋ยวนะ...ผมไม่มีสิทธิ์จะสั่งเขาเลยนี่ เพราะผมเป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น
            “ไม่” เขาตอบกลับมาอย่างหนักแน่น ผมเลยดันหัวเขาออกไป แต่เหมือนยิ่งดัน เขาก็ยิ่งไล่ซุกขึ้นมาจนจะถึงของสงวน เดี๋ยวๆๆ!!!
            “ขออยู่แบบนี้สักพักนะครับ”
            “เฮ้อ...ตามใจนายเถอะ”
            เออะ...
            ship หาย
            พรึ่บ!
            “พูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ” ยิ้มแบบนี้...
            ไม่นะ...

#relationship

            ที่แท้...
            ก็แค่นอนกอดหรอกเหรอ?
            ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด คาริยะที่ตอนนี้สวมเสื้อผ้าครบถ้วนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาขอให้ผมนอนกอดเฉยๆ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเป็นฝ่ายถูกกอดเสียมากกว่า แล้วก็ยัง..นอนไม่หลับอีก...
            ผมนอนมองคนที่กอดผมอยู่... ดวงตาของเขาปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อา..ดูสิ ขนาดหลับก็ยังน่ามอง ยิ่งได้นอนใกล้กันแบบนี้ ยิ่งได้กลิ่นตัวของเขาชัดเจน
            ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
            ผมจับที่หัวใจของตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...
            ไม่เอาน่า ผมก็แค่หวั่นไหวเท่านั้นแหละ.. กับคนที่เข้าใจยากแบบนี้น่ะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก

#relationship

            [คาริยะ]
            ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ยังกลางคืนอยู่อีกเหรอ..?
            “...” รุ่นพี่หลับสนิทเลยแฮะ
            ผมคลายอ้อมกอดออก แล้วเอาแขนมาเท้าหัวไว้ โดยที่สายตาของผมยังคงจ้องรุ่นพี่คิริโนะอยู่ ไม่ว่าจะมองกี่ที ในหัวผมก็จะมีแค่สองคำที่โผล่มาเท่านั้น
            น่ารัก น่าฟัด
            ผมระบายยิ้มออกมา ไม่รู้หรอกว่าตัวเองยิ้มแบบไหนออกมา แต่ก็น่าจะ...อ่อนโยน...ล่ะมั้ง
            ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยล่ะ ได้ทำให้รุ่นพี่รู้สึกดี แล้วก็ได้นอนกอดรุ่นพี่ ...ผมว่าผมยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้วล่ะ มีความสุขจริงๆเลยน้า
            ผมลูบหัวรุ่นพี่อย่างถนุถนอมมากที่สุด ก็คนที่ผมรักนี่เนอะ ต้องถนอมบ้างอะไรบ้าง(ถึงแม้ว่าจะพยายามทำล่วงเกินอยู่หลายครั้งก็ตาม)
            ผมสางกลุ่มเส้นไหมสีชมพูของรุ่นพี่แล้วสูดดมกลิ่นของมัน ซึ่งเป็นกลิ่นยาสระผมอันเดียวกันกับผม แต่พอมันอยู่กับรุ่นพี่คิริโนะ อะไรมันก็ดู...
            ..พิเศษ..
            จุ๊บ
            ผมจูบเบาๆที่ริมฝีปากของรุ่นพี่คิริโนะ แล้วดึงเข้ามากอดอย่างที่ใจปรารถนามาตลอด
            อย่างน้อย…
            อย่างน้อยตอนนี้...ผมก็คว้ารุ่นพี่เอาไว้
            ได้แล้ว...


#relationship

No comments:

Post a Comment