EP.8 + NC

-8-

            หน้าตึกชมรมฟุตบอล แสงแดดที่ค่อยๆเริ่มแรงขึ้น มีร่างสองร่างกำลังยืนอยู่ด้วยกัน หนึ่งคือ สึรุงิ เคียวสุเกะ และสองคือ คิริโนะ รันมารุ
            “ผมขอโทษ”
            คิริโนะมองสึรุงิอย่างไม่เข้าใจ ว่าคนเย็นชาและไม่สนใจใครมาขอโทษเขาเรื่องอะไร
            “นายมาขอโทษฉันทำไม?”
            “เรื่องวันนั้น ที่ผมยอมให้คาริยะเปลี่ยนตัวกับผม” ...อ๋อ...เรื่องวันนั้น
            “ช่างมันเถอะ...เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว” เขาว่าพลางส่งยิ้มอ่อนให้ชายคนนี้ ก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราเข้าไปรอโค้ชข้างในเถอะ”
            “ครับ” สึรุงิขานรับแล้วเดินตามหลังของคิริโนะเข้าไปในชมรม ในใจก็ยังคงรู้สึกผิดกับเรื่องนั้น ยิ่งรุ่นพี่พูดแบบนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
            ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องชมรม นัยน์ตาสีเหลืองอร่ามจดจ้องเพื่อนชั้นปีเดียวกันพร้อมกับคิดอะไรในใจ...
            ถ้าหากว่าเรื่องในวันนั้น รุ่นพี่ได้บอกว่ามันผ่านไปนานแล้ว เขาขอค้าน! เพราะเขารู้สึกว่าเหมือนเรื่องราวความวุ่นวายพวกนี้จะไม่ได้ผ่านไปกับวันนั้น แต่มันได้เริ่มขึ้นแล้วต่างหาก
            โชคดีที่เพกาซัสตัวน้อยของเขาไม่ต้องมาอยู่ในวังวนอะไรแบบนี้
            หรือเปล่า...?

#relationship

            วันนี้โค้ชเอนโดมาถึงห้องชมรมช้ามากกว่าที่คิริโนะคิดไว้ จากที่เทนมะบอกว่าจะมาถึงประมาณ 9 โมงเช้า โค้ชดันมาถึง 11 โมง เลยทำให้การซ้อมครึ่งเช้าได้ถูกยกเลิกไป เพราะเที่ยงตรงต้องให้ทานมื้อกลางวัน แต่ทุกคนยังไม่ค่อยหิวกันเท่าไหร่ เนื่องจากโค้ชเอนโดมาช้า เลยออกไปหาอะไรกินกันมาบ้างแล้ว(เพราะนั่งรออยู่แต่ในห้องชมรมจนตะคริวกินก้นแล้วต่างหาก =_=”) แต่โค้ชเอนโดก็ยังบอกให้กิน โดยให้เหตุผลว่า...
          ถึงเวลากินก็ต้องกินให้ตรงเวลา จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ และจะได้มีพลังงานไว้เล่นฟุตบอลอีกด้วย!
            แต่เหมือนจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า...
            “ทุกคนนนน กับข้าวมาแล้ววววว!!!!
            ทุกคนหันไปตามเสียงตะโกนรวมถึงคิริโนะ
            เป็นสามสาวผู้จัดการชมรมที่หอบทั้งข้าวกล่อง เครื่องดื่ม และขนม ทั้งสามคนยืนอยู่หน้าประตูก่อนที่จะแบกของกินเข้ามาทั้งหมดโดยมีเทนมะและชินสุเกะช่วย
ส่วนเสียงตะโกนเมื่อกี้...เป็นใครไม่ได้ นอกจากมิโดริ ยัยผู้หญิงที่มีผมคล้ายกับเอาปลาหมึกมาไว้บนหัว แถมยังเป็นคู่จิ้นของนิชิกิอีก เพราะสองคนนี้ชอบทะเลาะกัน และมีนิสัยที่เหมือนกันหลายอย่าง
ตึก ตึก ตึก ตึก
“รุ่นพี่คิริโนะครับ...นี่ครับ” คิริโนะหันไปมองคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
คาริยะถือกล่องข้าวไว้กับตัวกล่องหนึ่ง อีกกล่องหนึ่งถูกยื่นมาให้คิริโนะ และคิริโนะก็รับมันมาอย่างงงๆ นี่เขาเหม่อไปนานถึงขนาดที่ทุกคนออกไปรุมแย่งข้าวแย่งน้ำกันเสร็จแล้วเหรอเนี่ย? แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคาริยะที่หยิบข้าวมาให้เขาสินะ เพราะถ้าเขายังมัวแต่เหม่อคงไม่มีข้าวเหลือไว้ให้เขาแน่ๆ
“ขอบคุณที่หยิบมาให้นะ ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงไม่มีข้าวกินแน่ๆเลย” คิริโนะพูดพร้อมยิ้มแห้งๆให้
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเพื่อรุ่นพี่แล้ว...”
“ผมก็ยอมทำทุกอย่าง...” ถ้ามันสามารถทำให้รุ่นพี่ทิ้งเขา เพื่อมาหาผม...
“อ..อื้ม”
“มีใครยังไม่ได้น้ำ?!!” เสียงของอากาเนะดังเข้ามาในดสตประสาทของทั้งคู่ คิริโนะสำรวจว่าตัวเองได้น้ำหรือยัง แต่ในขณะที่กำลังอ้าปากจะบอกคาริยะว่าเขาจะไปหยิบเอง ก็เป็นอันต้องหุบไป เมื่ออีกคนเดินไปหยิบให้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ลืมวางกล่องข้าวไว้ตรงที่นั่งของเขาที่อยู่ข้างๆคิริโนะ
ใบหน้าหวานหันไปมองกล่องข้าวของรุ่นน้องที่ไม่ใช่แค่รุ่นน้องธรรมดาอีกต่อไป เพราะสายตาเมื่อกี้ สายตาสีเหลืองหม่นของคาริยะเมื่อกี้
ไม่เป็นไรครับ ถ้าเพื่อรุ่นพี่แล้ว... ผมก็ยอมทำทุกอย่าง...
สายตาที่บ่งบอกถึงความรัก ความหลง ความโกรธแค้นและความโลภ ทุกความรู้สึกที่คาริยะถ่ายทอดมันออกมาผ่านดวงตาคู่นั้น มันช่างแตกต่างจากเมื่อคืนริมปีปากบางเม้มเข้าหากัน ในหัวนึกอยากจิกทึ้งตัวเองที่ไม่มีแรงมากพอจะขัดขืนสัมผัสที่ริมฝีปากนั้น
สัมผัสที่แปลกใหม่...
แค่นึกถึงก็ทำให้ลมหายใจของเขาขาดหายไปเสี้ยววินาที
“เฮ้! คิริโนะ ข้าวกล่องนั้นของใครน่ะ? ฉันขอได้ป่ะ?” คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในชมรม...อามางิ
“ของผมเองครับ!” คาริยะเดินมาหาเขาพร้อมกับบอกอามางิ ในมือทั้งสองข้างถือขวดน้ำเปล่าข้างละขวดก่อนที่หนึ่งในสองขวดนั้นจะถูกวางอยู่บนโต๊ะ ตรงหน้าของคิริโนะ
“กินข้าวกันเถอะครับรุ่นพี่” คาริยะหันมาส่งยิ้มให้เขา
“อื้ม”
“ทานเลยนะครับ/ทานเลยนะคร้าบ” ทั้งสองคนเริ่มจัดการข้าวในกล่องให้หมดภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง เพราะบ่ายโมงต้องเริ่มซ้อมกันแล้ว แต่ว่าทุกคนกินเสร็จกันตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรกหลังจากหยิบข้าวและน้ำมาเรียบร้อยแล้ว เลยทำให้มีเวลาย่อยอาหารเหลืออีกประมาณ 30-40 นาที ระหว่างนั้นทุกคนเลยคุยกัน เล่นกันไป ส่วนโค้ชเอนโดก็เข้าห้องพักของโค้ชเพื่อไปคุยโทรศัพท์
“เฮ้ยๆๆ!!! เทนมะ!!!
โครม!!!
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองทางเดียวกัน ภาพที่เห็นคือสึรุงิกำลังนอนกอดเทนมะอยู่บนพื้น และใกล้ๆกันคือคิริโนะที่บนศรีษะมีถังไอศกรีมอยู่ และเนื้อตัวยังเปื้อนไอศกรีมรสวนิลาอีก
ตึกตึกตึกตึก
คาริยะ มาซากิรีบวิ่งออกจากที่นั่งเพื่อมาดูรุ่นพี่คนโปรดของเขา เมื่อมาถึงตัว เขาก็รีบเอาถังไอศครีมออกจากศรีษะรุ่นพี่คิริโนะ และค่อยๆประคองร่างบอบบางขึ้นมาพร้อมถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“รุ่นพี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
“นอกจากก้นก็ไม่มีตรงไหนเจ็บแล้วล่ะ แต่คนที่น่าห่วงกว่าคือคนนั้นต่างหาก” คิริโนะว่าพร้อมชี้ไปที่สึรุงิที่นอนนิ่งมาสักพัก เลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมานองพื้น เทนมะที่เหมือนจะหายตกใจเรื่องล้ม ก็ต้องมาตกใจเรื่องของคนที่นอนหลับตานิ่ง

#relationship

            ซู่.. ซู่..
            เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องอาบน้ำของชมรมไหลลงมากระทบกับร่างเปลือยเปล่า คิริโนะ รันมารุนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่จะกลายเป็นสภาพแบบนั้น...
            “รุ่นพี่คิริโนะครับ ไปซื้อไอติมเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ไม่มใครไปเป็นเพื่อนผมเลยเนี่ย น่าสงซ้านน..น่าสงสารรร...” มัทสึคาเสะ เทนมะ กัปตันทีมคนใหม่ของชมรมแทนชินโด ทาคุโตะ แฟนของเขา...
          “แล้วสึรุงิล่ะ? ชวนหรือยัง?” เขามองปฏิกิริยารุ่นน้องของตนเองเมื่อพูดถึงคนคนนั้น
          “ผมชวนแล้ว” หน้าบูดเชียว แสดงว่าต้องโดนปฏิเสธมาแหง...
          “แล้วเขาว่าไงล่ะ?” คิริโนะลองแกล้งถามดังๆ ให้คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาได้ยิน
          “เขาก็ตอบผมมาว่า...อะแฮ่มๆ” เทนมะกระแอมไอเพื่อเลียนแบบเสียงและเอามือกอดอกเพื่อเลียนแบบท่าทาง ”ฉันขี้เกียจลุก นายอยากไปก็ไปคนเดียวสิ”
          คนที่ถูกล้อเลียนหันมามองค้อนขวับใส่เทนมะ เจ้าคนโดนมองก็ไม่ได้รู้สึกตัว แต่คนมองไปนี้เสียวสันหลังวาบเลย
          “ป่ะๆๆ งั้นไปกัน” คิริโนะรีบพาเทนมะออกไปซื้อไอศกรีม ระหว่างเดินกลับ เทนมะก็เริ่มกินไอศครีมไปบ้างแล้ว พอกลับมาถึงห้องชมรม เทนมะรีบวิ่งนำเขาเพื่อเข้าไปนั่งที่ แต่ก่อนจะถึงที่ ดันสดุดขาตัวเองล้ม ถังไอศกรีมเลยลอยมาอีท่าไหนไม่รู้ ดันมาหล่นครอบหัวเขาพอดี ส่วนคนที่สดุดขาตัวเองก็ล้มไปทับสึรุงิ แต่สึรุงิก็กอดเทนมะไว้แน่น เพื่อไม่ให้หลุดออกไปนอกตัวเอง
            และเรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้...
            “ยังมัวแต่ทำเอ็มวีอยู่เหรอครับ?” คาริยะเดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูและล็อกลูกบิดห้องอาบน้ำ คิริโนะตกใจมากจึงหันหลังใส่คาริยะ เพราะเขาไม่ชินกับการให้คนอื่นมาเห็นรูปร่างของเขาทั้งหมด ยกเว้นทาคุโตะ...
            “ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นกัน ฉันก็แค่..ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ”
            “เหรอครับ...”
            เอี๊ยด!
            คาริยะพูดพร้อมเดินมาปิดก๊อกฝักบัว คิริโนะยังคงหันหลังให้เขาอยู่ เพราะยังไม่ได้ถูสบู่ เลยทำให้ยังมีกลิ่นวนิลาอ่อนๆออกมาจากตัวของรุ่นพี่ร่างบาง
            เป็นกลิ่นที่หอมหวานน่าลิ้มลองเหลือเกิน...
            คาริยะค่อยๆขยับตัวเองเข้าไปใกล้รุ่นพี่คิริโนะมากขึ้น จนแผ่นหลังเปลือยเปล่าชิดกับอกของเขา ทำให้เสื้อและกางเกงของเขาเปียกไปด้วย มือข้างหนึ่งกอดเอวบางเอาไว้ มืออีกข้างจับเส้นผมสีชมพูมาสูดดมกลิ่นหอมของวนิลาที่ยังหลงเหลืออยู่
            “อา..รุ่นพี่รู้อะไรมั้ยครับ” เขากระซิบที่ข้างหูของคิริโนะ และมันเป็นเสียงที่บ่งบอกว่า ในไม่ช้า...สิ่งที่เขาอดกลั้นมาตลอด ต้องพังทลายลงวันนี้แน่
            “ร..รู้อะไร!?” คิริโนะพยายามเอามือที่กอดเอวของเขาอยู่ออก แต่ยิ่งพยายามคาริยะก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น ถึงอย่างนั้น เขาก็ต้องยิ่งพยายามขึ้นอีก แม้จะเหนื่อยเปล่าก็ตามที
            “ว่ารุ่นพี่น่ะ...” มือที่เริ่มอยู่ไม่สุกของคาริยะ กำลังเลื่อนต่ำลงไปกุมจุดที่อ่อนไหวมากที่สุด
            “อึก..ย..อย่าขยับนะ”
            “รุ่นพี่น่ะ”
            “ทำให้ผมอยากกินจนแทบบ้าแล้วนะ” พอพูดจบ เขาก็พลิกตัวของคิริโนะให้หันมาหาเขา แล้วดันร่างบางให้ติดกับกำแพง ก่อนที่จะตามไปประกบริมฝีปากของตนเองกับของคนตรงหน้า
            “อื้ออออ!!!

            คิริโนะที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกรุ่นน้องของตนเองครอบครองริมฝีปากอีกครั้ง มันช่างเป็นการจูบที่ร้อนแรง เขาคิดอย่างนั้น... แต่ก็ยังคงพยายามต่อต้าน มือทั้งสองข้างที่พยายามผลักไสและขาที่พยายามเหยียบลงบนเท้าของอีกฝ่ายอย่างสุดแรง จนคาริยะถอนจูบออก วินาทีนั้นคิริโนะ รันมารุรู้สึกว่าความพยายามทั้งหมดได้แสดงให้เห็นผลแล้ว เขาจึงรีบทิ้งระยะห่างออกจากคาริยะทันที แต่ทว่าหนีออกไปได้ไม่ถึงสามก้าว ก็ถูกดึงกลับมาหากำแพงอีกครั้ง
            ปึง!!!
            “อั่ก!” หลังของคิริโนะกระแทกกับกำแพงห้องอาบน้ำอย่างแรง จนร่างบางทรุดลงกับพื้น แต่อีกคนกลับดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในความเจ็บปวดของเขา แถมยังมาคร่อมเขาและใช้มือทั้งสองข้างยันกำแพงห้องน้ำเพื่อกักเขาไว้อีก
            “เจ็บมั้ยครับ...?” คาริยะส่งยิ้มยียวนมาให้ นั่นมันน่าโมโหสิ้นดี...
            “...” เขามองคาริยะด้วยสายตาของความโมโหเท่านั้น
            “ถ้าไม่พยายามหนี ก็ไม่ต้องเจ็บตัวหรอกครับ”
            พลั่ก!
            คิริโนะใช้ขาสองข้างถีบอกของคาริยะ ส่งผลให้คาริยะกระเด็นออกไปจากตัวของคิริโนะ แม้จะไม่ไกลนัก
            “แรงเยอะจังเลยนะครับ” คาริยะว่าพลางส่งแสยะยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น
            “แต่สักพักก็คงจะไม่เหลือทั้งแรง.. ทั้งน้ำ..เลยล่ะครับ” รอยยิ้มร้ายกาจนั่นทำเอาคิริโนะเริ่มกลัวขึ้นมา
            ตึก...ตึก...ตึก
            คาริยะเดินเข้ามาหาร่างบางช้าๆ เล่นทำเอาใจของคนที่นั่งอยู่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความตื่นเต้น สมองสั่งให้เขาหนี แต่ดันลืมสั่งให้ร่างกายขยับเขยื้อน เขาเลยทำได้แค่นั่งโง่ๆเท่านั้น
            “ไม่หนีแล้วเหรอครับ?”
            คิริโนะมองหน้าคาริยะด้วยสายตาที่ทั้งโกรธตัวเองและคนที่เข้ามาหาเขาได้สำเร็จ
            “แต่ก็ดีครับ จะได้จัดการอะไรง่ายๆหน่อย”
            หมับ!
            คาริยะจับขาทั้งสองข้างของเขาแยกออกจากกัน แล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงกลางก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของเขาอีกครั้ง
            “ต่อไปนี้...ผมจะไม่ยอมให้รุ่นพี่ไปมีความสุขกับเขาแน่”
            คิริโนะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยินที่คาริยะพูด
“อ๊ะ!
คาริยะใช้ปากของเขาครอบแก่นกายของร่างบางจนถึงโคน
“อ..เอาปากของนาย..ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” คิริโนะเอามือทั้งสองข้างยันหัวของคาริยะให้ออกไป แต่คาริยะกลับแกล้งเขา โดยการใช้ปากรูดขึ้นรูดลง สร้างความเสียวกระสันให้กับเขา จนเขาต้องขยับสะโพกหนี แต่ก็ถูกคาริยะล็อกเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีออกไปไหนได้
ปากของคาริยะที่ทำงานได้เป็นอย่างดี กำลังทำให้เขาเสียวจนแทบจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ปากที่เคยตวาดไล่กลับกลายเป็นเสียงครางไม่เป็นศัพท์
“อ..ออก..อึก..ป..อ๊า” เสียว..เสียวมากจริงๆ แค่พูดให้เป็นคำ มันยากขนาดนี้เลยเหรอ...
คิริโนะเหลือบมองคนที่สร้างความเสียวให้กับเขา ด้วยสายตาที่แม้แต่ตัวเขายังไม่รู้เลย ว่ามันกระหายในกามมากแค่ไหน...
แม้ทาคุโตะจะเคยทำให้ แต่กับเจ้ารุ่นน้องคนนี้...
“อ๊ะ! ไม่ไหว..ไม่ไหวแล้ว...” อยากปลดปล่อยจะแย่แล้ว...
“อยากปล่อยมากเลยเหรอครับ...” คาริยะเอาปากออกจากแก่นกายที่เริ่มมีน้ำกามปริ่มออกมาเล็กน้อย เขามองร่างบางที่บิดเร้าด้วยความทรมาน
“ฮื่ออออ”
“ไม่ครับ” นิ้วหัวแม่มือปิดที่หัวแก่นกายของร่างบาง
“ฮื่ออออ...ฉันไม่..ม..ไม่ไหว..” คิริโนะเริ่มหอบหายใจถี่ขึ้นพร้อมกับความเสียวที่จุกอยู่ที่ปลาย ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน...
“ร้องขอผมสิครับ เผื่อผมจะเห็นใจ หึ..” คาริยะเผยยิ้มร้ายออกมา ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยให้แตกในปาก แต่เขาอยากเห็นคนที่เขารักทรมานกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้มากกว่า
“...อึก..” ไม่ไหว...
“เร็วสิครับ ขอร้องผมสิ” ไม่มีแรงจะต่อต้านแล้วสินะ...
“ค..คาริยะ...” น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ เพราะความทรมานจากความเสียวซ่าน...
“ให้ฉัน..ห..ให้ฉันปล่อย..”
“...เถอะนะ”
“ก็ได้ครับ” คาริยะเอาละมือออกจากแก่นกาย เพื่อนให้ร่าบางที่นั่งหอบหายใจได้ปลดปล่อยสมใจอยาก แต่..มันออกมามากกว่าที่เขาคิดนะ...
“แฮ่ก...แฮ่ก...” คิริโนะรีบสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดแล้วหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงและเร็วกว่าปกติ และคาริยะ...ที่กำลังแสดงความเป็นเจ้าของร่างกายของเขา ทุกที่ทุกจุดบนร่างกายที่คาริยะทำรอยเอาไว้ ล้วนแต่ทับรอยเดิมของทาคุโตะที่ยังเหลืออยู่
ปึง! ปึง! ปึง!
“เฮ้ย! คิริโนะ! จะล้างตัวอีกนานมั้ย?! ออกไปซ้อมกันได้แล้ว!” เสียงจากพวกข้างนอกนี่...
เมื่อคาริยะได้ยินดังนั้นก็แอบเสียดายโอกาสไม่ได้ แต่ยังไงก็ต้องมีโอกาสดีๆอีกแน่... คิดได้ดังนั้น เขาก็ยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วยื่นมือไปช่วยพยุงคิริโนะขึ้นมา แต่ก็ยังไม่วายทิ้งอะไรให้คิริโนะ
“วันนี้ผมจะฝากรุ่นพี่ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ”
“เพราะคราวหน้า...”
“ผมจะชดเชยให้คุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน”


#relationship

2 comments: