EP.10

-10-

            เช้าวันใหม่...
            คิริโนะพูดกับตัวเองในใจ
            ดวงตาสีฟ้ากลมโตเหมือนแมวเหม่อมองหน้าของคนที่นั่งตรงข้ามอยู่นาน ในหัวก็เอาแต่ขบคิดว่าถ้ากลับไปที่บ้านแล้วเขาจะทำยังไงดี หรือจะปล่อยให้เป้นเรื่องของผู้ใหญ่
            นั่นแม่ นู่นพ่อ นี่ชู้(ของแม่)
            ทำไมต้องเกิดเรื่องชวนดราม่าพาเครียดกับครอบครัวของเขาด้วยเนี่ย?!
            คิดแล้วเขาก็อยากจะเอาหน้าทิ่มลงกับจานข้าวจริงๆ
            หมับ!
            “ผมเห็นรุ่นพี่พยายามจะกินข้าวด้วยวิธีหน้าทิ่มมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ” คาริยะพูดทั้งที่มือของเขายังคงประคองหัวรุ่นพี่คิริโนะไว้ไม่ให้ทิ่มลงไปในจานข้าว
            เพราะถ้าหล่นเขาคงเสียดายข้าวแย่...
            ล้อเล่นน่ะ
            “รุ่นพี่ดู...เครียดกับเรื่องนี้มากเลย...นะครับ?”
            “อืม ก็นิดหน่อยน่ะ” มากต่างหากเลยล่ะ...เด็กหนุ่มคิดแล้วกรอกตาเป็นเลขแปดก่อนที่จะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆรุ่นพี่ที่รักของเขา
            คิริโนะหันไปมองคนที่เพิ่งจะเข้ามานั่งข้างๆด้วยความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ กับระยะห่างที่ลดลง ทั้งสายตาและฝ่ามืออุ่นๆที่ใหญ่กว่าเขาเล็กน้อยยังกอบกุมมือของเขาเอาไว้ ราวกับบอกว่าจะคอยอยู่ข้างๆเสมอ
            ความอบอุ่นที่คาริยะส่งมาให้เขาค่อยๆแล่นจากมือมาถึงหัวใจของเขา...ค่อยๆหลอมละลายตัวเขาช้าๆ
            คิริโนะหลับตาซึมซับสัมผัสนั้นจนความเครียดค่อยๆคลายลง เขาจึงลืมตาขึ้นและคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
            “ขอบคุณนะ”
            “ครับ ให้ผมไปส่งรุ่นพี่นะ”

#relationship

            เมื่อมาถึงหน้าบ้าน คิริโนะยืนอยู่ด้านนอกเพื่อรวบรวมความกล้า
            ไม่รู้ว่าคนอื่นๆที่อยู่ในวัยเดียวกันจะรู้สึกกังวลเหมือนเขามั้ย แต่ว่าสำหรับเขาแล้ว...เขากังวลมากๆ เนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ทั้งพ่อและแม่ที่เคยอยู่ด้วยกันตลอด เคยอบรมเลี้ยงดูเขา สั่งสอนตักเตือนเรื่องต่างๆในชีวิต ที่สำคัญคือเป็นผู้ให้กำเนิด
            ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้เขายังเรียกและให้ความเคารพทั้งคู่ที่เป็นพ่อแม่จากใจจริง ไม่แน่ใจเท่าไหร่ถึงความหมายของคำว่า พ่อ กับ แม่
            พ่อ ชายผู้ให้กำเนิดและอบรมเลี้ยงดูบุตร แม่ หญิงผู้ให้กำเนิดและอบรมเลี้ยงดูบุตร
            พ่อ เป็นสามีของแม่ แม่ เป็นภรรยาของพ่อ
            แค่นั้น...
            แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมอะไรบางอย่าง...
            ทั้งสองเป็นคนธรรมดา
            เป็นหญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็นชายธรรมดาคนหนึ่ง
            ต่างคนต่างมีความปรารถนา ความต้องการ และความคิดเป็นของตนเอง
            “เฮ้อ...”
            เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องของเขาจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ต้องลองฟังดูบ้างล่ะนะ

#relationship

            “กลับมาแล้วครับ!
            ควับ!
            “รันมารุ!!!” หญิงสาววัยกลางคนที่ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์รีบหันไปทางประตูทันทีที่ได้ยินเสียงของลูกตนเอง
            ตึกตึกตึกตึก
            เธอรีบวิ่งไปที่ประตูพร้อมกับชายหนุ่มที่ยังอยู่กับเธอ
            แอ๊ดดดดดดด
            เธอเปิดประตูบ้านก่อนที่จะวิ่งไปเปิดประตูรั้วบ้านให้ลูกชาย และสวมกอดเขาอย่างรวดเร็ว จนรันมารุไม่ทันได้ตั้งตัว
            “ฮึก..ฮือออออ...แม่ขอโทษนะรันมารุ..ฮึก..แม่ขอโทษ..ฮืออออออ” ปากพร่ำบอกคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาที่ข้างหูของรันมารุ เขายกมือขึ้นกอดตอบและลูบหลังหญิงวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเขาพร้อมกล่าวว่าไม่เป็นไร แม้ลึกๆแล้วยังต้องการที่จะสะสางเรื่องนี้ต่อ แต่ในเมื่อท่านยังไม่อยากจะกล่าวให้เขาระเคืองใจจนหนีไปอีก เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขุดคุ้ยมันขึ้นมา
            หญิงสาวที่กอดลูกชายพร้อมร่ำไห้คาอกของเขาอย่างน่าอายได้แต่เอ่ยคำขอโทษเช่นนี้ซ้ำๆ ในใจอยากจะบอกเล่าให้ฟังใจแทบขาด ว่าสถานการณ์ในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ เธอเลือกจะรอให้โอกาสมาถึง เมื่อนั้น...เธอก็พร้อมจะสะบั้นความสัมพันธ์สามีภรรยาระหว่างกัน
            ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเริ่มก่อน...เธอก็ไม่ต้องทุกข์ทนจนได้คนปลอบมาหรอกนะ...

#relationship

            หลังจากที่กอดกันหน้าบ้านพอหายคิดถึงแล้ว คิริโนะคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องทำความรู้จักกับแขกคนสำคัญของแม่แล้ว... ทั้งสามคนจึงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
            “คุณชื่ออะไร?” นั่นเป็นคำถามที่เคยได้รับคำตอบมาแล้วครึ่งหนึ่ง
            “ทากาฮาชิ มาซาโอมิ”
            ทากาฮาชิ... มาซาโอมิ... อายุ 45 ปี จบด็อกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยดังในยุโรป อดีตหมอ ปัจจุบันหมอ อนาคตว่าที่ผอ.โรงพยาบาล
            พระเจ้า...
            นี่แม่เขาหาคนแบบนี้ได้ง่ายๆเลยเหรอ?
            อายุก็ห่างกับแม่แค่ปีสองปีเท่านั้น ฐานะทางบ้านจัดว่าดีสุดๆ หน้าตาไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าไม่ใช่เทพเจ้าก็เทพบุตรมาเกิด แถมยังเป็นประเภทใบหน้าอ่อนกว่าวัยแบบแม่ ...ถ้าถามถึงความเห็นส่วนตัวก็คงอยากจะให้หย่ากับพ่อแล้วไปกับเขาแทนจริงๆ
            ฟึ่บ..ฟึ่บ
            คิริดนะส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง พร้อมรำพึงกับตนเองในใจว่านับวันยิ่งชั่วเหมือนคาริยะขึ้นทุกที
            เมื่อเขาได้ซักไซ้ถามจนพอใจ อีกฝ่ายจึงขอตัวกลับก่อน เพราะลาแค่ครึ่งวันเช้า ตอนบ่ายต้องไปดูคนไข้ต่อ
            ปึง!
            หลังจากเสียงประตูปิดลงแล้ว คิริโนะก็ทำตัวเหมือนปกติ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินขึ้นห้องไปพร้อมกับสัมภาระที่หอบออกไปตอนนั้น
            แม่ของเขาที่นั่งอยู่นึกขึ้นได้ว่าจะถามว่าอะไรจึงร้องเรียก
            “รันมารุ!
            “ครับแม่?”
            “ตอนที่ลูกออกไป...ลูกค้างที่บ้านใคร?”
            คิริโนะเงียบไปเมื่อหน้าผู้ที่ให้เขาอยู่อาศัยลอยขึ้นมา เขาจึงไล่ภาพใบหน้าคนคนนั้นออกไป แล้วจึงฉีกยิ้มกว้างให้แม่ของตน
            “บ้านเพื่อนน่ะครับ”

#relationship

            ตึก..ตึก..ตึก
            คิริโนะเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนเอว เขาเดินตรงมาหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู
            ;เทนมะคุง; - สายที่ไม่ได้รับ
            “...สงสัยโทรมาเรื่องซ้อม...” เขาพูดออกมาเบาๆ แล้วจัดการลบการแจ้งเตือนออกไป ก่อนจะเดินไปที่หน้ากระจก
            คิริโนะมองตัวเองที่อยู่ในกระจกและไล่สังเกตรอยประทับของคาริยะที่ทับรอยของทาคุโตะอีกที
            คงจะอิจฉามากเลยงั้นสิ..?
            มือเรียวยาวค่อยๆสัมผัสลงบนรอยรักที่ละจุด จนกลายเป็นว่าลูบไล้ไปทั่ว ดวงตากลมถูกเปลือกตาปิดลง ในหัวจินตนาการณ์ภาพของคนรักและรุ่นน้องขึ้นมาพร้อมกัน หัวใจของเขาเต้นถี่รัวขึ้นเรื่อยๆเมื่อนึกไปถึงตอนที่กำลังจะได้หลอมรวม ใบหน้าหวานเชิดขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะเผยอออกมา ถ้าหากว่าเรา...
            ก๊อก ก๊อก ก๊อก
            !!!
            คิริโนะสะดุ้งพร้อมกับเบิกตาโพลงก่อนที่หูจะได้ยินคนที่อยู่ด้านนอกตะโกนเข้ามา
            “มื้อเที่ยงวันนี้แม่จะเอากับข้าวที่คุณมาซาโอมิมาอุ่นนะ ลูกจะกินมั้ย?”
            “ก..กินครับ!” เขาตะโกนตอบกลับไปและรอให้แม่ลงไปข้างล่างก่อน
            ฟู่ว...
            เขาถอนหายใจออกมาเมื่อมั่นใจแล้วว่าแม่อยู่ข้างล่าง
            ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำมองไปที่กระจกอีกครั้ง เมื่อนึกถึงภาพที่ตนเองจินตนาการขึ้นก็ได้แต่รู้สึกผิดกับทั้งสองคน
            แต่ว่าเขาชักจะมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วสิ...
            ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร่างกายของเขาจะไวต่อความรู้สึกขนาดนี้ เพราะสองคนนั้นแท้ๆเลย!


#relationship

No comments:

Post a Comment