3 - โรงเรียน

            ตึ๊ง!

            Tsurugi Kyosuke ทักคับ
            Tsurugi Kyosuke : รับแอ้ดพี่หน่อยสิคับ

            ทักกูมาทำม้ายยยยยยยย!!!!!!!!!! //กรีดร้อง

            นี่แหนะ นี่แหนะ ออกจากแชทมึง ออกจากระบบบนเฟซบุ๊ค ออกๆๆ ออกแม่งให้หมด! หึๆๆ ดูซิ มึงจะยังตามมาได้อีกมั้ย

            ผมนั่งกอดอกอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คอย่างผู้ชนะ บรรยากาศในห้องผมตอนนี้เงียบมาก ยกเว้นไอ้บ้านตรงข้ามที่มันนั่งกินเหล้าแล้วเปิดเพลงเสียงดังกัน

          ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าชู้~ ไม่ใช่ผู้หญิงเลิศหรู~ แต่ฉันเป็นหญิงลั้ลลา~
            (หญิงลั้ลลา - หญิงลี ศรีจุมพล)

            คิดเสียว่ามันเงียบละกัน - -“

            ผมนั่งอยู่ตรงนี้นานมากพอสมควร มากพอที่จะแน่ใจได้แล้วว่าไม่มีข้อความจากมันแล้ว ผมจึงปิดโน๊ตบุ๊คและชาร์จแบตก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อจะไปหาน้ำกินที่ห้องครัวข้างล่าง

            ครืดด..

            ผมลากเก้าอี้เก็บเข้าโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ แล้วเดินตรงไปหน้าประตูห้อง ในขณะที่มือของผมกำลังจะสัมผัสลูกบิด ผมก็รู้สึกถึงลมเย็นๆที่โดนตัวผม จนผมหนาวสั่น เมื่อมองไปที่ประตูระเบียง...มันก็ไม่ได้เปิดนี่หว่า แล้วทำไมมันเย็นจังวะ?

            ผมเดินกลับไปกลางห้อง และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

            “ใครมันมาตั้งแอร์ไว้ที่ยี่สิบองศาวะเนี่ย หนาวชิบ.หาย”

            ผมเดินไปหยิบรีโมทมาปรับแอร์ให้ได้ 25 องศา ไม่ร้อนไป ไม่หนาวไป กำลังดี

            เสร็จแล้วผมจึงเดินกลับไปที่ประตูอีกครั้ง และในขณะที่ผมจะเอามือสัมผัสลูกบิดอีกอีกรอบ...

            ก๊อกๆๆๆ

            ...ก็มีคนเคาะประตูเสียก่อน

ผมเปิดประตูออกไปก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า ชะโงกหน้าออกไปดูก็ไม่เห็นมีใคร ดึกดื่นป่านนี้แล้วใครจะมาเคาะประตู เออ...นั่นสิ ใครจะมาเคาะประตู นอกจาก...ผ— ไม่!! ผมจะไม่พูดถึงมันเด็ดขาด!

ก๊อกๆๆๆๆ!!!!

ไม่ใช่ประตู แต่เป็นหน้าต่าง!

ผมหันกลับไปในห้อง และมองที่ประตูระเบียงอีกครั้ง คราวนี้ผมเห็นเงาของใครคนหนึ่งผ่านผ้าม่านบางๆในห้อง เป็นผู้หญิงสวมชุดสีขาว เธอน่าจะสูงประมาณ 155 เซนติเมตร ผมยาวมาก เธอยืนอยู่ที่ระเบียง แต่เธอเข้ามาได้ยังไง? ในเมื่อประตูรั้วของคฤหาสน์ตระกูลอเมมิยะจะไม่เปิดต้อนรับใครหลังสามทุ่ม นอกจากสมาชิกของตระกูลนี้เท่านั้น แถมรั้วยังเป็นเหล็กแหลมอีกต่างหาก

หรือว่าคฤหาสน์นี้จะมี...

ผ—

ไม่ๆๆ ผมจะไม่คิดว่าเธอคนนั้นเป็นผ..เด็ดขาด แม้ว่าจิตใต้สำนึกของผมจะโยนคำคำนั้นไปให้เธอแบบไม่ต้องคิดไปแล้วก็ตาม

ผมค่อยๆย่างก้าวตรงไปที่ประตูระเบียง และเปิดผ้าม่านสีขาวบางออก เพื่อดูให้แน่ใจว่าเป็นคนหรือผ..กันแน่

พรึ่บ!!!

“เหี้ยยยยย!!!!!!!!! ผีหน้าขาว!!!!!!

ไอ้ชิบ.หาย! ผมตกใจกับใบหน้าขาวๆของหล่อน จนถอยกรูดไปชนเตียง ซ้ำร้ายผมยังเสือกหงายลงไปนอนกับเตียง ก่อนที่ผมจะกลิ้งลงมาที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง ผีเหี้ยไรวะเนี่ย!? นอกจากจะน่ากลัว ตัวขาว แล้วยังเตี้ยอีก

แป๊ปนะ..

ผมลอมองอีผีแคระอีกครั้ง ก็พบว่าเป็น...

“ลาลาย่า!!!

“กว่าจะระลึกชาติได้นะอีสัส” เธอว่าพร้อมเท้าเอวเล็กคอดของเธอ ส่วนผมก็รีบไปเปิดประตูให้เธอเข้ามา

ผมขอแนะนำเธอให้ทุกคนรู้จักฮะ เธอคือลาลาย่า ออเบียส หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของผม เธอเป็นสาวสวยไม่แคร์ส่วนสูงที่ต่ำกว่ามาตรฐานนางแบบ และทุกคนก็รู้จักเพื่อนของผมสองคนแล้ว คนแรก คิริโนะ รันมารุ แอนด์ ผัวของเธอ คนที่สอง ลาลาย่า เหลืออีก 2 คน

ลาลาย่าเลือกที่จะนั่งขัดสมาธิบนเตียงของผม ผมก็ตามเธอขึ้นไปนั่งโดยที่ไม่ลืมปิดประตูระเบียง

“เมื่อกี้มึงเป็นอะไรของมึงอ่ะเทนมะ”

“กูตกใจหน้ามึงอ่ะ นึกว่าผีแคระหน้าวอก”

“อะไร?! หน้ากูออกจะสวยย่ะ” เธอพูดแล้วแกะแผ่นมาร์คหน้าสีขาวของเธอออก

“แล้วนี่มึงมาได้ยังไงเนี่ย?” ผมถาม

“กูปีนมา” อ๋อ...รั้วบ้านมันปิดนี่ ไม่แปลกที่เธอจะปีนเข้ามา แต่...

“เดี๋ยวนะมึง แล้วมึงปีนขึ้นระเบียงห้องกูได้ยังไงเนี่ย?”

“กูเห็นมันมีบันไดพาดกับต้นไม้บ้านมึง กูเลยเอามาปีนขึ้นระเบียง”

“อ๋อ...”

“เออใช่! กูมีเรื่องจะมาเมาท์กับมึงเว่ย!

ผมเชื่อว่าทุกกลุ่ม จะต้องมีคนคนหนึ่งที่ชาติก่อนเคยเกิดเป็นกูเกิ้ล ชาตินี้ถึงได้รู้เรื่องชาวบ้านไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องเท่ามดยันเรื่องระดับอภิมหาพระเจ้า แต่ข้อเสียของคนประเภทนี้คือ รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง

“เรื่องอะไรวะ?” ผมถาม

“เมื่อวานเว่ย กูอ่ะ กำลังซื้อส้มปูปลาร้าร้านเจ๊ท้ายซอย”

“แล้วไงต่อ”

“แล้วระหว่างรอ กูก็มองอะไรไปเรื่อยเปื่อยอ่ะ ดั๊นนนน ไปเห็นอีอาโออิ” ดั๊นทำไมวะ? ดันดีๆก็นี่หว่า

“แล้ว”

“นางกำลังจู๋จี๋จิ๊จ๊ะกับเด็กอาชีวะคนนึง งานดีมากกกกก ไม่รู้ว่าไปหลงอะไรอีอาโออิ อีนี่มันแรดมาก ผู้ชายนี่ก้นะ พิลึกจริง ชอบคนแรดๆ”

“แค่นี้?”

“เออ โคตรหมั่นไส้เลย อุ๊ย! ตายแล้ว! สี่ทุ่มแล้วนี่... มึง กูกลับก่อนนะ บ๊ายบาย เจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะมึง จุ๊บๆ เบเบ๋” เธอลงจากเตียงของผมและเดินไปที่ระเบียง

“มึงจะกลับไงเนี่ย?”

“ปีนกลับ”

“เออ กลับดีละกัน อย่าไปข่มขืนผู้ชายที่ไหนล่ะ กูเป็นห่วง”

“อันแรกอ่ะ ขอบคุณนะ แต่อันหลัง ไม่รับประกัน” ลาลาย่าปีนลงบันได เมื่อเท้าแตะพื้น เธอก็เอาบันไดนั้นไปพาต้นไม้เหมือนเดิม แล้วปีนรั้วกลับออกไป

ผมปิดประตูระเบียงแล้วกลับเข้ามาในห้องก่อนที่จะเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นมานอนบนเตียง จัดหมอนจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย แล้วค่อยเข้าสู่ห้วงนิทรา ความคิดสุดท้ายที่ผมคิดก่อนเข้านอนคือ...

ทำไมอีลาลาย่าโง่จังวะ โทรมาคุยก็จบละ
.
.
.
.
            7.00

            ตอนนี้ผมขึ้นมาบนรถเบนซ์สีขาวคันเดิม ที่มีคนขับรถคนเดิมประจำอยู่ที่นั่งคนขับ นายสุชาติ...(ผมยังยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตีลังกาแบบยิมนาสติกยัน ว่ายังไงผมก็เกลียดชื่อนี้อยู่ดี)

            7.30

            ไม่นานนัก รถคนนี้ก็มาจอดเทียบหน้าประตูรั้วโรงเรียนอินาสึมะวิทยาลัย ผมก้าวลงจากรถ โดยมีนายคนนั้น(ที่รู้ๆกันอยู่ว่าใคร)เป็นคนเปิดประตูให้ ก่อนที่เขาจะขับรถกลับไปที่บ้าน เนื่องจากเสร็จสิ้นภารกิจส่งคุณหนูเทนมะผู้นี้ให้ถึงโรงเรียนอย่างสวัสดิภาพ

            ผมเดินมาสวัสดีคุณครูตามแบบฉบับมารยาทไทย คุณครูเวรหน้าโรงเรียนรับไว้ผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ประดุจเพิ่งสวดมนต์ ทำบุญตักบาตร กรวดน้ำคว่ำขันเสร็จมาเมื่อครู่ก็ไม่ปาน

            ขาของผมก้าวฉับๆ ในมือข้างหนึ่งถือกระเป๋านักเรียนหนังสีดำ อีกข้างหนึ่งถือสมาร์ทโฟนสีขาวยี่ห้อแอปเปิ้ลพิการที่เขาฮิตกัน ราคาก็แค่ไม่กี่หมื่นเอง แค่นี้ไม่เสทือนกระเป๋าตังค์พี่ไทโยสุดหล่อหรอก

            “คุณหนูมัทสึคาเสะมาแล้วค่ะมึงงงง” อีลาลาย่าทำท่าทางได้น่าหมั่นไส้มาก

            “ต๊ายตาย! ท่วงท่าช่างสง่างามแลดูมีความเป็นกุลสตรี~” อีเบต้าเสียงมึงแหลมมาแต่ไกล

            “เทนมะ~~” เฟย์ของเค้าน่ารักที่ซู้ดดดดด นั่งทำตาแป๋วกอดตุ๊กตากระต่ายตัวโปรด เอ็นดูว~

            “มาๆๆ อยู่กันครบองค์สักที เย็นนี้ไปเที่ยวกัน” อีนี่ก็จ้องแต่จะไปเที่ยวคลับผัว อีคิริโนะ! อีคนมีผัว!

            “เหอๆๆ” ผมหัวเราะแห้งๆให้กลุ่มสตรีที่ประพฤติตนไม่สมกับความเป็นกุลสตรี

            ก็..ครบองค์อย่างที่คิริโนะว่า เหล่าชะนีทั้งสี่กับชาตรีเพียงหนึ่ง คราวนี้จะขอแนะนำอย่างจริงๆจังๆสักทีนะฮะ

            คิริโนะ รันมารุ เพื่อนสาวผมสีชมพู มัดทรงทวินเทล อย่างที่รู้ๆกัน เธอมีแฟนแล้ว คือพี่ชินโด ทาคุโตะ ซึ่งเป็นเจ้าของผับที่ผมกับมันไปบ่อยๆ ส่วนสาวๆที่เหลือก็เคยไปกันมาบ้างแล้ว แต่ไม่บ่อยเท่ามันหรอก ไปนั่งอ่อยพี่เขาทุกวัน จนได้เป็นแฟนกันมาถึงทุกวันนี้

            ลาลาย่า ออเบียส อีผีแคระเมื่อคืนนั่นแหละ หล่อนเป็นต้นตำหรับความเพอร์เฟ็คของกลุ่ม สวย รวย เก่ง ชอบเข้าสังคม และที่สำคัญ รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของตัวเอง แต่เมื่อมีด้านดีก็ต้องมีด้านเสีย เห็นได้ชัดจากเรื่องเมื่อคืน คือทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

            เบต้า เอลโดราโด้ เธอคือตัวแม่ด้านความรักสวยรักงาม เรื่องผู้ชายมาก่อน เรื่องเรียนค่อยว่ากัน

            เฟย์ รูน เห็นน่ารักๆอย่างงั้นอย่าคิดว่าไม่มีพิษมีภัย ทุกคนคงจำตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่ผมเพิ่งบอกได้ใช่มั้ย? ตั้งใจอ่านนะ อีนี่มันลูกมาเฟีย ไม่แปลกที่จะมีอาวุธ เช่น ปืนพก ไว้กับตัว เรื่องการต่อสู้ เธอก็ไม่เป็นสองรองใคร

            ส่วนผม มัทสึคาเสะ เทนมะ มีเงินและอำนาจของตระกูลอเมมิยะเป็นอาวุธ

            เพราะอย่างนั้น คนในโรงเรียนจึงยกเราทั้ง 5 คนเป็น เบญจจักรพรรดินี ชื่อดูยิ่งใหญ่ แท้จริงก็แค่กลุ่มเด็กปัญญาอ่อนทั้งห้าคนมารวมตัวกัน

            ผมไม่รู้หรอกนะว่าความหมายของจักรพรรดินีมันจะเหมือนจักรพรรดิหรือเปล่า แต่ผมว่าชื่อมันเจ๋งดี :)

.
.
.
.
            11.55

            ผมต่อแถวรอซื้ออาหารมาสามชาติเศษๆ ยืนจนน่องจะปูด ภูเขาไฟจะปะทุ ไอ้คุณสึรุงิแก่ตาย(ยังไม่ลืม + ลืมไม่ลง)

            “ของหนูได้แล้วลูก” เสียงป้าคนขายบอกกับน้องม.ต้นข้างผม นี่แหละ...เสียงสวรรค์ รีบจ่ายเงินซะแม่หนู พี่จะได้ซื้อบ้าง

            “ค่ะป้า นี่ค่ะตังค์...อุ๊ย! เหรียญตก!” ...สัส

            ผมทำหน้าที่พลเมืองดี โดยการช่วยน้องเขาเก็บเหรียญห้าที่ตก แต่มือคุณเธอช้ากว่าผม เลยทำให้มือน้องอยู่บนมือผมแทน เธอเงยหน้าขึ้นมามองผม แก้มของน้องขึ้นสีเลือดฝาด และเอ่ยขึ้นอย่าตะกุกตะกัก

            “ข..ขอบคุณนะคะ . ////. ” น่ารัก..

            “...ครับ” ผมส่งเหรียญห้าบาทคืนให้เธอ แล้วเธอก็รีบจ่ายเงินป้าขายอาหารพร้อมกับหยิบจานข้าวของเธอไปด้วย

            ผมมองตานน้องคนนั้นไป แต่ผมก็รู้สึกว่าท้องผมมันประท้วงเหมือนกัน เลยก้าวไปข้างหน้า แต่ดันมีอีหน้าไหนไม่รู้มาแซงผม

            ฟึ่บ!

            “เฮ้ย! นี่! เธอแซงฉันนะ!!!” ผมท้วงเธอ ซึ่งเป็นใครบางคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

            “แล้วไง ใครแคร์” โซราโนะ อาโออิ กูจะจดจำชื่อมึงไปจนวันตาย

            “ป้าคะ เอาเส้นเล็กต้มยำค่ะ” ยังมีหน้ามาสั่งป้าเฉยเลย หน้าด้าน!!!! มึงเจอกูแน่...และจะได้รู้กัน ว่าจักรพรรดินีเป็นฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย...

            “นี่จ้ะแม่หนู สามสิบบาทจ้ะ” เส้นเล็กต้มยำ...จากหน้าตาแล้วคงแซ่บหน้าดู

            “ตังค์ค่ะป้า” อยู่ในมือหล่อนแล้ว

            ตึก ตึก

            ผมก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่เธอเดินสวนผมเพื่อออกจากแถว ได้จังหวะพอดีกับที่เธอก้าวขามา เลยทำให้เธอสดุดขาผมหน้าแทบคว่ำลงกับพื้น

            เคร้ง..เคร้ง..เคร้ง...

            เสียงชามราคาถูกตกลงบนพื้นโรงอาหารพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ข้างใน ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาอุดหูทันที

            “กรี๊ดดดดดดดดดดด”

            ถึงหน้าหล่อนจะไม่ทิ่มกับพื้น แต่ก็ทิ่มลงไปกับก๋วยเตี๋ยวของหล่อนแทน หน้านางตอนนี้คงแซ่บไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวที่สั่งมาแน่นอน หึ...คนมองกันทั้งโรงอาหารเลยแหนะ

            ผมหันไปมองอาโออิที่มองผมกลับด้วสายตาอาฆาต ส่วนผมก็ยกยิ้มอย่างผู้ชนะ

            “แกแกล้งฉัน!” อาโออิตะโกนใส่พร้อมชี้หน้าผม

            “ฉันเปล่า เธอสดุดขาฉันเองนะ”

            ยัยโง่!

            ผมขยับปากบอกคำหลังกับเธอ

            “ตอแหล! ไอ้คนตอแหล! กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!” แย่ล่ะ...

            อาโออิพุ่งเข้ามาคร่อมตัวผม แล้วจิกทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลของผม เจ็บนะอีผีบ้า! ออกไปจากตัวกูนะโว้ยยยย!!!! นี่ไม่มีใครคิดจะมาแยกอีนี่ออกไปจากกูเลยเหรอ!?!

            ผมจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้ออกมาจากหัวของผม แล้วก็รีบลุกขึ้น พร้อมกับเล่นละครตบตาคนทั้งโรงอาหาร

            “เธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ยอาโออิ! ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหรอกนะ แต่เธอมาสดุดขาฉันเองจริงๆ”

            “ไม่จริง!!! ฉันไม่เชื่อ!” บ้าชิบ...สงสัยต้องจัดชุดใหญ่หน่อยแล้ว เอาให้ยัยนี่ว่ายน้ำกลับคลองไม่เป็นเลย

            “ถ้าไม่เชื่อก็ให้น้องที่ต่อหลังฉันเป็นพยายานได้เลย ว่าเธอมาสดุดขาฉันเอง ใช่มั้ยครับน้อง” ประโยคสุดท้ายผมหันไปหาน้องตุ๊ดหน้าเทาที่ต่ออยู่ข้างหลังผม

            “ใช่ค่ะพี่ พี่อ่ะ ไปสดุดหาพี่เทนมะเอง ใครๆก็เห็น” ใช่...ใครๆก็เห็น เห็นว่ายัยนี่สดุดผม แต่ไม่มีใครรู้ว่าผมตั้งใจให้เธอสดุด

            “ก็เห็นแค่ตอนฉันสดุดน่ะสิ แต่แกตั้งใจให้ฉันสดุด คิดว่าฉันไม่รู้หรอ?” นึกว่าจะโง่กว่านี้ซะแล้ว...

            ผมตีหน้าเหวอ อาโออิแค่นหัวเราะเหมือนผู้ชนะ คงคิดว่ากูเหวอเพราะมึงรู้สินะ จงดูไว้...ชีวิตน้อยๆของมึงใกล้จะถึงจุดจบแล้ว

            5

            “อาโออิ เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมเริ่มรู้สึกถึงความชื้นที่ขอบตา...ได้ดั่งใจจังเลยนะ...

            “ใช่ ฉันเกลียดแก เกลียดแกตั้งแต่อยู่บ้านเด็กกำพร้าด้วยกัน จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังเกลียแกอยู่ เพราะแกแย่งทุกอย่างจากฉันไป” เธอหยิบถ้วยน้ำส้มสายชูใส่พริกขนาดใหญ่ที่มุมเครื่องปรุงมาถือในมือ

            “ฮึก” ผมทำเป็นสะอื้น

            4

            “ทำเป็นบีบน้ำตา น่าสงสารตายล่ะ!” เธอเดินมาหาผมทีละก้าว

            3

            ผมได้ยินเสียงของอาจารย์ใกล้เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

            2

            “ฮึก..ฮึก..” ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

            “ยังเล่นละครแบบนี้อยู่อีกหรอ...?” อาโออิหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วผลักผมลงไปกองกับพื้น

            พลั่ก!

            1

            “คนอย่างแก...”

            “มันน่ารังเกียจ!!!

            ซ่า!

            น้ำส้มสายชูใส่พริกถูกสาดใส่ตัวผม พร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงของอาจารย์วิ่งเข้ามาที่จุดนี้

            “รู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป!!” อาจารย์คนนั้นตะคอกใส่อาโออิ ผมเหลือมองเธอด้วยความสมเพษ

            เล่นกับใครไม่เล่น

            มาเล่นกับ มัทสึคาเสะ เทนมะ

            “โซราโนะ อาโออิ ตาฉันมาห้องปกครองเดี๋ยวนี้!!!” อาจารย์ตวาดลั่น

            รอยยิ้มเย้ยหยันเธอในตอนนี้ คงไม่มีใครได้เห็นแน่นอน...
.
.
.
.
            *

            แชะ!

            เสียงกดชัตเตอร์จากหนึ่งในคนที่มุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงอาหาร สาวน้อยผมสีน้ำตาลเทาดูรูปที่ตนเพิ่งถ่ายได้ พร้อมกับรอยยิ้มที่เดาได้ยาก ว่าประสงค์ดี หรือประสงค์ร้าย

            ร้ายจังเลยนะคะ คุณมัทสึคาเสะ เทนมะ


            เด็กสาวรำพึงกับชายที่ถูกกล่าวถึงอยู่ภายในใจ แล้วค่อยหายลับไปกับฝูงชน

No comments:

Post a Comment