EP.6

-6-

            เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเข้าสู่การปิดเทอมแล้ว ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะยังไม่ได้ประกาศว่าเป็นปิดเทอมอย่างเป็นทางก็เถอะนะ แต่ว่าก็ไปไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
            คิริโนะตื่นมาในช่วงสายของวัน เขาอาบน้ำและลงไปกินมื้อเช้าที่ห้องทานอาหาร ซึ่งอยู่ชั้นล่าง
            พอกินเสร็จคิริโนะก็กะว่าจะไปหาแฟนหนุ่มของเขาเสียหน่อย เลยกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องแล้วลงมาใหม่
            “แม่ครับ ผมไปหาชินโดก่อนนะครับ” คิริโนะหันไปกล่าวกลับแม่ของเขาที่นั่งดูรายการวาไรตี้อยู่ที่ห้องรับแขก
            “จ้ะลูก ดูแลตัวเองดีๆนะ แล้วอย่าไปรบกวนทางบ้านนั้นมากล่ะ ^^ ” ผู้เป็นแม่ขานรับและกำชับไว้ก่อนที่ลูกจะออกจากบ้านไป
            “เฮ้อ...เบื่อจัง งานบ้านก็ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว” หลังจากที่ลูกชายของเธอออกจากบ้านไป เธอก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย เธอลอบมองไปที่โทรศัพท์ แล้วถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง
            “เฮ้อ...”
            ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงต้องลอบมองมัน นั่นก็เพราะว่ามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ และเธอก็เกรงว่าความคิดนี้มันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเสียเท่าไหร่ แต่ว่านะ...
            “งั้นโทรหา ที่รัก ก็แล้วกัน” ผิดคาด...
            เธอเบี่ยงความคิดที่จะโทรหาใครอีกคน เป็นโทรหาสามีของเธอแทน
            ระหว่างที่มือเรียวของเธอกำลังยกมือถือแนบไว้กับหูของเธอ เธอเองก็รู้สึกได้ว่ามือของเธอกำลังเย็นเฉียบ หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างบีบรัดเอาไว้ มันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
            (ฮัลโหลที่รัก ว่าไง ผมกำลังทำงานอยู่) เสียงจากปลายสายเอ่ยขึ้นมาอย่างสดใส ผิดกับปลายสายทางนี้
            “สบายดีค่ะที่รัก” สบาย...เธอสุขสบายมากเลยล่ะ นับตั้งแต่วันนั้น... ‘เขา’ ก็คอยส่งเงินมาให้ จากที่สามีของเธอส่งมาให้ก็ยังไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ แต่เขากลับทำให้มันเหลือใช้
            (ก็ดีแล้วล่ะ ห๊ะ! งานด่วนเหรอ? อ่อ ได้ๆๆ ...ที่รัก ผมมีงานเข้ามาน่ะ ผมขอตัวก่อนนะ)
            ตู้ดดดด...
            อีกแล้ว... คุยกันได้แค่แป๊ปเดียวก็หายไปอีกแล้ว
            และสุดท้าย เธอก็หนีไม่พ้นความคิดแรกอยู่ดี มือเรียวรอสายอยู่สักครู่ ปลายสายก็รับแล้วเอ่ยทักทาย
            (ว่าไงครับ คุณคิริโนะ)
            “นี่ดิฉันมารบกวนเวลาส่วนตัวของคุณหรือเปล่าคะเนี่ย?
            (ไม่ครับ ตราบใดที่เป็นคุณคิริโนะ ผมก็มีเวลาให้เสมอ) แตกต่าง... แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
            “แหม...เขินจังเลยค่ะ คิกๆ” หญิงสาวว่าพลางเอามือข้างหนึ่งกุมแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีบลัชออน
            (ว่าแต่มีอะไรถึงโทรมาหาเหรอครับ?)
            “คือว่า...มะ..มาหาที่บ้านหน่อยได้มั้ยคะ? ตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวน่ะค่ะ” ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้ออกมา หัวใจนี่ก็จะเต้นแรงไปไหน
            (ได้สิครับ สิบห้านาทีเจอกันนะครับคนสวย)
            บ้าจริง เขาชอบพูดคำหวานใส่เธอตลอดเลย!

#relationship

            ในช่วงเวลาเย็น ดวงอาทิตย์ทอแสงสีส้มสาดส่องทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มผมสีชมพูกำลังเดินกลับบ้าน มือข้างหนึ่งลูบรอยคิสมาร์คที่ต้นคอของตัวเอง พร้อมกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...
            วันนี้เขากับทาคุโตะเพิ่งจะทำเรื่อง ‘อย่างว่า’ มา ยอมรับตรงๆเลยว่าเขาลืมเรื่องของคาริยะไปหมดแล้วจริงๆ ทั้งเรื่องบอกชอบ เรื่องที่คาริยะพยายามจีบเขา และ...
            เรื่องจูบ...
            นิ้วเรียวเลื่อนขึ้นมาทาบที่ริมฝีปาก พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเดอะ มิสต์ อยู่ๆหัวใจของเขาก็กระตุกขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาคิดว่าเขาลืมเรื่องนั้นได้แล้วแท้ๆ แต่มันกลับยิ่งจดจำ สายหมอกที่บดบังเขากับคาริยะ ริมฝีปากที่ประทับจูบบนกลีบปากของเขา มันช่างละมุน และน่าตกใจไปพร้อมๆกัน
            เฮือก!
            ไม่ได้…
            เขาจะทรยศต่อชายคนที่เขารักไม่ได้!
            ดูเหมือนว่าคิริโนะ รันมารุจะตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองนานเกินไปหน่อย พอรู้ตัวอีกที สองขาก็ก้าวมาหยุดอยู่หน้าบ้านของตัวเองเสียแล้ว
            เขาเปิดประตูรั้วเพื่อเข้าไป แล้วเดินไปที่ตัวบ้านก่อนที่จะเปิดประตูบ้านและปิดมันหลังจากที่ตัวของเขาเข้ามาแล้ว เขาก้มมองลงที่พื้นอย่างหวั่นใจ หากนี่เป็นรองเท้าของแม่ แล้วคู่นี้เป็นรองเท้าของใครกัน?! ดูเหมือนจะเป็นของผู้ชายเสียด้วยสิ หรือว่าจะเป็นของพ่อเขา? แต่ก็ไม่น่าจะกลับแบบกะทันหันขนาดนี้นี่
            “ช่างมันเถอะ” ปากก็บอกว่าช่างมัน แต่ในหัวของหนุ่มทวินเทลกลับไม่เป็นแบบนั้นเลยสักนิด
            รองเท้าค่อยๆถูกถอดออกจากเท้าก่อนที่จะเดินเข้าไป เพื่อตรงไปยังจุดหมายที่เขาคิดไว้
            คิริโนะเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็พบว่าโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ หน้าจอเป็นรายการข่าว เขาจึงหยิบรีโมทมาปิดมัน แล้วเดินต่อ ที่ห้องทานอาหารก็มีกับข้าวที่อยู่ในกล่องปิดสนิทเรียบร้อยดี และมีโน๊ตแปะอยู่บนกล่อง
            ‘ นี่เป็นกับข้าวมื้อเย็นของลูกนะ กินเสร็จแล้วล้างกล่องให้แม่ด้วย แม่นอนอยู่ในห้อง มีอะไรก็มาเคาะประตูได้เลย ’
            หรือว่า?!
            ชายคนนั้นที่คุยโทรศัพท์กับแม่เมื่อวาน...
            สองขาไม่รอให้ความคิดได้ประมวลผล รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านแล้วหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนของแม่ ร่างกายของคิริโนะเกิดอาการชาไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงที่เล็ดรอดออกมาจากข้างในห้อง
            “อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”
แม่ของเขา...
            กำลัง...
            แอ๊ดดดดด...
            “ม..แม่...”
            “รันมารุ!!!” แม่ของเขาเรียกชื่อเขาอย่างตกอกตกใจถึงขีดสุด
            คนที่ควรตกใจมากที่สุดต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอ?
            ชายหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หนึ่งในนั้นคือแม่ของเขา และใครอีกคน...ที่เป็นชู้ของแม่ ทุกอย่างมันตีขึ้นมาในอกของคิริโนะ มีคำถามไหลเข้ามาในหัวของเขาหลายคำถาม
            ทำไมแม่ถึงทำกับพ่อแบบนี้? เริ่มมานานเท่าไหร่แล้ว? แม่ที่เขารักและเทิดทูนไปอยู่ที่ไหน? ไม่คิดถึงจิตใจของพ่อบ้างเหรอ? เขามีอะไรที่ทำให้แม่ต้องทำแบบนี้? และอีกหลายๆคำถามที่อัดแน่นอยู่ข้างใน จนทำให้เขาได้แต่มองแม่แท้ๆของตัวเองกับชายอีกคน ด้วยสายตาที่...
            ...ว่างเปล่า
            คิริโนะ รันมารุหันหลังกลับไปและทิ้งคำพูดไว้
            “จะทำอะไร...ให้คิดถึงคนที่รักแม่ไว้เยอะๆด้วยนะครับ...”
            ก่อนประตูจะปิดลงเบาๆ
            ปึง...

 #relationship

            23.54
            ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว จนป่านนี้คุณคิริโนะก็ยังติดต่อลูกชายของตัวเองไม่ได้ ส่วนคุณมาซาโอมิ เจ้านายของเธอที่เพิ่งเล่นชู้ด้วยกันเมื่อตอนเย็น ก็คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ ในขณะที่สามีของเธอไม่ได้อยู่กับเธอในช่วงที่เธอทุกข์
            หลังจากที่รันมารุ ลูกชายของเธอปิดประตูห้องนอนเธอ เธอกับคุณมาซาโอมิก็รีบใส่เสื้อผ้า แล้วลงไปหารันมารุ แต่พอลงไปถึง ก็พบว่ารองเท้าของลูกชายไม่อยู่แล้ว รวมทั้งเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นในการเรียน เช่น ชุดนร. อุปกรณ์การเรียน และพวกชุดกับรองเท้ากีฬาฟุตบอล
            กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกผิดต่อสามีและลูกของเธอมากจริงๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ลูกเธอฟัง ว่าการที่ เจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ไม่ใช่ มันแย่แค่ไหน ขณะเรายังมี อีกคน อยู่กับเรา แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าสามีของเธอจะเป็นภาระในเรื่องนี้เลยสักครั้ง
            และเธอเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ
            “คุณโอเคมั้ย?” ร่างอีกร่างที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ถือวิสาสะเอามือเธอไปกุม และถามเธอด้วยความเป็นห่วง
            “ไม่ค่ะ ฉันไม่โอเค ฉันเสียใจที่ทำให้ครอบครัวของฉันเป็นแบบนี้ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ”
            “ไม่ๆ ผมต่างหากที่ผิด ผมผิดตั้งแต่ผมเริ่มรักและเลือกที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ”
            “...”
            “ผมขอโทษ”
            “...”
            “...”
            “ขอแค่ตอนนี้ลูกของฉันปลอดภัยก็พอ ส่วนเรื่องของเรา...”
            “ผมไม่อยากให้ครอบครัวของคุณแตกแยก แต่ก็ไม่อยากจะเดินออกไปจากชีวิตคุณเลย”

#relationship

            ปิ๊งป่อง!
            ปิ๊งป่อง!
            “!!!”
            “คือ...”
!!!”
...ฉันขอมาอยู่ด้วยสักพักนะ”


#relationship

No comments:

Post a Comment