EP.5

-5-

            ผลัวะ
            !!!
            “มึงปล่อยให้แฟนกูไปอยู่กับไอ้เชี่ยนั่นได้ยังไง!!!”
            ...
            เงียบกริบ
            ทั้งสนามปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ มีเพียงแต่สึรุงิที่มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสุดขีด ยอมรับว่าตอนแรกก็นึกสนุก แต่ตอนนี้เขาสนุกไม่ออกแล้ว เขาไม่รู้จริงๆว่าภายในเดอะ มิสต์มันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่คิริโนะนั่งทรุดกับพื้นสนามได้ แต่ตอนนี้เขาต้องขอโทษรุ่นพี่ชินโดในสิ่งที่เกิดขึ้น
            “ขอโทษครับ”
            ...
            ทั้งสนามก็ยังคงสร้างความเงียบ ก็รู้หรอกนะ ว่าอยากรู้จึงตั้งใจฟังแล้วเงียบ แต่ตอนนี้ก็ไม่ควรที่จะให้เงียบต่อไป เทนมะจึงเอ่ยขัดบรรยากาศตึงเครียด
            “เอ่อ...ทุกคน ช่วยหันไปสนใจรุ่นพี่คิริโนะก่อนดีไหมครับ คือ...รุ่นพี่ร้องไห้แล้ว...” เทนมะว่าพลางทำหน้าจะร้องไห้ตาม
            “รันมารุ!!” ชินโดที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบพยุงตัวเองให้เดินไปหารันมารุของเขา
            ร่างบางที่นั่งกอดเข่าและฟุ่บหน้าลงกับเข่าตัวเองพลางสะอื้นไห้จนตัวโยนอย่างหน้าสงสาร เขาไม่รู้ว่าคาริยะทำอะไรให้รันมารุร้องไห้ได้ขนาดนี้ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่
            “รันมารุ รันมารุ นายเงยหน้าขึ้นมาก่อนสิ” ชินโดพูดพร้อมนั่งลงตรงหน้ารันมารุอย่างทุลักทุเล
            “ฮืออ...ฮืออ” รันมารุยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา
           “รันมารุ เงยหน้าขึ้นมาเถอะ เงยหน้าขึ้นมาบอกฉัน ว่าคาริยะทำอะไรนาย” สานตาที่ดูอ่อนลงจ้องมองคนรักอย่างปลอบประโลม เมื่อรันมารุสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่คนตรงหน้าส่งมาให้ เขาก็ค่อยเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะรีบพุ่งไปกอดชินโด
            “อื้มมม...” รันมารุเข้าครอบครองริมฝีปากของชินโดโดยที่ไม่ทันตั้งตัว รันมารุขบกัดทั้งริมฝีปากล่างและบนเหมือนอย่างที่คาริยะทำ แล้วส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของชินโด ตอนนี้หัวของรันมารุคิดเพียงอย่างเดียว คืออยากจะล้างรสจูบของคาริยะไปให้หมด อยากให้ปากของเขาถูกครอบครองโดยชายคนนี้เพียงผู้เดียว แต่ทำไม...ทำไมเขาถึงทำไม่ได้ แค่ผลักคาริยะออกไป ทำไมเขาทำไม่ได้ แค่สั่งให้หัวใจหยุดหวั่นไหวกับคาริยะก็ยังทำไม่ได้เลย
            “อึก ฮึก” น้ำตาหยดเล็กๆไหลอาบแก้มของเขาเป็นหยดสุดท้ายก่อนที่จะถอนจูบออก และนึกขึ้นได้ว่าทั้งสนามไม่ได้มีแค่พวกเขาทั้งสองคน แถมยังมีโค้ชเอนโดเป็นแบ็คกราวน์อีก ว่าแล้วใบหน้าก็ฉาบไปด้วยสีแดง /////
            “สึรุงิ! นายจะเอามือมาปิดตาฉันทำไมเนี่ย ฉันก็อยากรู้นะ!!” เทนมะร้องโวยวายใส่ร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง แถมยังเอามือมาปิดตาเขาตอนช่วงที่รุ่นพี่คิริโนะกอดกับรุ่นพี่ชินโด แล้วหลังจากนั้นก็เปิดออกตอนที่รุ่นพี่คิริโนะหยุดร้องไห้แล้ว บ้าจริง! นี่เขาพลาดช็อตเด็ดอะไรไป?!
            “ชอบสอดรู้สอดเห็น” สึรุงิว่าพลางลากคอเทนมะไปที่พวกอาโออิ(ที่ช็อคกับช็อตเด็ด)นั่งอยู่

 #relationship

            หลังจากที่ชินโดตะโกนใส่สึรุงิไปแบบนั้น สมาชิกทีมฟุตบอลจึงไม่สามารถรอให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นทำงานหนัก เลยต่างไปรุมถามทั้งชินโดและคิริโนะ ส่วนคำตอบที่ได้มา
            “อืม เราสองคนเป็นแฟนกัน”
            แค่นั้น... ก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวกลับบ้าน
            และหลังจากวันนี้ ทุกคนก็เลิกสนใจเรื่องนี้ แล้วหันไปสนใจเรื่องการสอบปลายภาคที่ใกล้เข้ามาทุกที เลยทำให้ชมรมมักจะมีคนมาไม่ครบเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนหนึ่งแหละ ที่มาเป็นประจำ นั่นคือมัทสึคาเสะ เทนมะ แต่เราจะไม่โฟกัสที่หนุ่มน้อยคนนั้นหรอกนะ เพราะนี่คือเรื่องของคาริยะ และแน่นอนว่าต้องเล่าถึงเรื่องราวของหนุ่มน้อยคนนี้ด้วยเช่นกัน
            เช้าวันแรกของการสอบปลายภาค...
            ‘คาริยะ มาซากิ’ เด็กหนุ่มมัธยมต้นปีหนึ่งธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ดันไปหลงรักรุ่นพี่ที่มีอายุห่างจากเขาเพียงปีเดียวเท่านั้น แถมรุ่นพี่คนนั้นยังมีแฟนอีกต่างหาก
            มือหนาลูบไล้ริมฝีปากขณะเดินไปโรงเรียนอย่างหวนรำลึกถึงรสจูบในวันนั้น อืมมม...มันช่างหวานยิ่งกว่าน้ำตาลยี่ห้อใดๆในโลก
            เขาอยากลิ้มรสมันอีกครั้ง...!
            เขาอยากจะจูบรุ่นพี่ที่เขารักเขาหลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ อยากให้ดวงตาสีนภามีภาพของเขาแค่คนเดียว และอยากได้หัวใจของรุ่นพี่ ‘คิริโนะ รันมารุ’ มาครอบครอง
            แต่จะทำอย่างไรได้...
            ในเมื่อผู้ชายคนนั้นประกาศถึงความเป็นเจ้าของไปขนาดนั้นแล้ว เขาจะทำอย่างไรได้?
            เหอะ...
            แต่เขาก็แอบนึกสะใจอย่างหนึ่ง
            แววตาอาฆาตปานจะกินเลือดกินเนื้อของชายคนนั้นตอนที่เห็นสิ่งที่เขาทำกับรุ่นพี่คิริโนะในม่านหมอกเดอะ มิสต์
            อ่า...แต่หลังจากนี้ทำอะไรคงจะต้องทำอะไรให้ระวังหน่อยแล้วล่ะ เกิดมีคนเห็นว่าเขาแตะต้องรุ่นพี่คิริโนะ เห็นทีคงไม่พ้นโรงพยาบาล
            “อรุณสวัสดิ์คาริยะ ^^ ” มัทสึคาเสะ เทนมะ อายุ 13 ปี กัปตันทีมฟุตบอลไรมง และเป็นเพื่อนคนแรกของเขาในโรงเรียนนี้ หมอนี่มีนิสัยที่โดดเด่นคือซื่อ แต่ไม่ใส และที่หนักสุดคงจะเป็น ‘ไม่ทันคน’
            “อื้ม อรุณสวัสดิ์นะเทนมะ ^^ ” เขาทักทายเทนมะกลับ พร้อมยิ้มให้ แต่ร่างสูงของเอสไตรเกอร์ก็เข้ามาจากทางข้างหลังของเทนมะพร้อมมองเขาเสียน่ากลัว
            “จะสอบแล้ว แยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเองสิ” ร่างสูงนั้นพูดกับเขาและเทนมะ ผู้ชายคนนี้คือ สึรุงิ เคียวสุเกะ อายุ 13 ปี เอสไตรเกอร์(ดาวยิง)ของโรงเรียนไรมง ลักษณะเด่น – มีทรงผมเหมือนภูเขาไฟฟูจิ ตาสีเหลืองอร่าม ใบหน้าหล่อนิ่งเรียบเป็นปกติ นิสัยเย็นชาและไม่สุงสิงกับใคร ยกเว้นเสียแต่ร่างเล็กของเทนมะนั่นแหละ ที่เขาสงสัยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น

 #relationship

            หลังการสอบวันแรกและวันที่สองจบลง กลุ่มนักเรียนหญิงเกือบยกห้องของคาริยะตัดสินใจนัดกันไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารในย่านการค้า ส่วนพวกผู้ชายก็แยกย้ายกันกลับบ้านเลย เขาเองก็เช่นกัน
            สองเท้าก้าวออกจากรั้วโรงเรียน สายตาเหลือบมองไปยังร้านไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนก็พบสองร่างที่นั่งแนบชิดกันอยู่ในร้าน เจ้าของผมสีชมพูผูกทวินเทลหัวเราะคิกคักกับอดีตกัปตันทีมไรมงอย่างมีความสุข ในขณะที่มือของเขากำหมัดแน่น
            ทำไม...ทำไมกัน
            ทำไมคนที่อยู่ในร้านกับรุ่นพี่คิริโนะถึงไม่เป็นเขา!
            แต่จะให้มีความสุขไปก่อนแล้วกัน
            เพราะเขาจะไม่ยอมให้รุ่นพี่คิริโนะได้อยู่กับชายคนนั้นอีก
            ตึก ตึก ตึก ตึก
            คาริยะรีบเดินหนีจากภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า...
            [คิริโนะ]
            วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ซึ่งตอนนี้ก็สอบเสร็จไปแล้ว ทาคุโตะเลยชวนผมมากินไอติมที่ร้านหน้าโรงเรียน บรรยากาศของร้านนับว่าดีมากๆ เหมาะกับการมาเดตหรือกลุ่มก๊วนสาวๆ อะไรแบบนั้น แต่คือ...ผมเป็นผู้ชายที่หน้าหวาน(กว่าผู้หญิง)ไง คงต้องประหลาดที่สุดในร้านแน่เลย
            กึก
            หางตาของผมเหลือไปเห็นคาริยะที่เดินออกมาหน้าโรงเรียน อยู่ๆใจของผมก็เต้นรัวเหมือนกับคราวนั้นเลย แล้วก็...เหมือนกับตอนที่โดนเขาขโมยจูบไปด้วย
...ความคิดบ้าๆพวกนี้...
            “รันมารุ นายเหม่ออะไรน่ะ?” ทาคุโตะเรียกผม ทำให้ผมหันออกมาจากห้วงความคิด แล้วส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่มีอะไร
            “กินไอติมกันต่อเถอะ” ผมพูดแล้วยิ้มให้คนที่ถือช้อน ใช่...ทาคุโตะถือช้อนไอติมอยู่ ตอนแรกผมก็จะกินกันสองคนในถ้วยเดียว แต่คนละช้อนกัน ทว่าทาคุโตะกลับหยิบมาแค่ช้อนเดียวแล้วบอกว่ากินช้อนเดียวกันดีกว่า
            “อ้ามมม~~~” ช้อนที่มีไอติมรสสตรอว์เบอร์รี่ถูกยื่นมาจ่อที่ปากผม พอผมจะเข้าไปกิน ทาคุโตะก็เอาออกห่าง นี่จะให้กินหรือเปล่าเนี่ย -.-
            “เร็วสิๆ จะกินเนี่ย” ผมบอกทาคุโตะ แต่เขากลับส่งยิ้มให้ผมก่อนจะยื่นช้อนมาอีกครั้ง ผมที่ปากจะได้ลิ้มรสไอติมอยู่แล้ว ก็ดันไม่ได้ เพราะเขาชักช้อนกลับแล้วส่งเข้าปากตัวเอง โถ่...ถ้าจะให้ตัวเองกินแต่แรกแล้วจะยื่มาทำซากอะไร - -*
            “นิสัยไม่ดี...อ๊ะ!” ผมบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว แต่ก็ตกใจที่จู่ๆทาคุโตะเอามือมาบีบจมูกผม
            “โอ๋ๆ~ ที่รักงอนที่เค้าไม่ให้กินไอติมหรอ~ ไม่เอาไม่งอนน้า” น่ารักจริงๆเลยเวลาง้อเนี่ย..เพราะอย่างนี้ผมเลยโกรธเขาได้ไม่นาน
            “เค้าก็ไม่ได้งอนอะไรที่รักซะหน่อยนี่~ คิกๆๆ ^^ ” ผมยื่นมือไปบีบจมูกเขากลับ แล้วก็หัวเราะที่เสียงถูกเปล่งออกมาอย่างกับเป็ด ฮ่าๆๆๆๆ
            “หรออออ” ทาคุดตะเองก็มีเสียงเหมือนเป็นเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆ น่ารักๆๆๆ แฟนเค้าน่ารักที่สุด
            “ปล่อยได้แล้ว เริ่มเจ็บแล้วเนี่ย” ผมบอกเขา
            “นายก็ปล่อยก่อนสิ”
            “ไม่ นายปล่อยก่อนสิ”
            “นายนั่นแหละ”
            “นายต่างหาก”
            “ไม่เอาสิ นายต้องปล่อยก่อน แล้วฉันถึงจะ---อุ๊บ!” เสียงของทาคุโตะขาดหายไป เนื่องจากผมเอาไอติมยัดใส่ปากที่ยังไม่หยุดพูด แต่ด้วยความที่เขาไม่ทันตั้งตัวตอนผมเอาเข้าไป เลยทำให้ไอติมรสสตรอว์เบอร์รี่เลอะที่มุมปาก
            “ฮ่าๆๆ ทาคุโตะ ไอติมเลอะปากนายล่ะ”
            “หืม? เอาทิชชู่ให้ทีสิ” ถ้าเช็ดด้วยทิชชู่ก็ไม่สนุกน่ะสิ
            “นี่ อยากเช็ดไอติมแบบสนุกๆป่ะ?
            “ยังไงอ่ะ แต่รีบๆเช็ดนะ เดี๋ยวมันจะเหนียว”
            “ได้ๆ ยื่นหน้ามานี่” ผมบอกเขาให้ยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วจัดการเลียไอติมที่เลอะ แต่กลับถูกมือหนาประคองเข้ามาจูบ ลิ้นของเขาสำรวจทั่วโพรงปากผม และมาหยอกล้อกับลิ้นผม ก่อนจะถอนจูบออก เพราะผมเริ่มหายใจไม่ออก
            “เป็นไงล่ะ แทนที่จะแกล้งเขา กลายเป็นเขามาแกล้งคืน”
            “แต่ถ้าแกล้งแล้วชอบนี่ยังนับว่าแกล้งอยู่มั้ย” ผมพูดออกไปตามความจริง ผมชอบนะ ไม่เหมือนตอนที่จูบกับคาริยะเลย
            และแล้ว...ผมก็วกเข้าเรื่องของคาริยะจนได้
            ไม่รู้ทำไมนะ
            แต่หลังๆมานี้ ผมรู้สึกว่าไม่เคยหนีเขาพ้นเลย

#relationship

            บ้านของคิริโนะ
            เขากลับมาถึงบ้านแล้วอาบน้ำกินข้าว ก่อนจะขึ้นไปทำการบ้านบนห้อง แต่ในขณะที่กำลังเหยียบบันไดขั้นที่หนึ่ง เขากลับได้ยินอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน
            Rrrrr
            “สวัสดีค่ะ”
            ...
            “ว่าไงคะคุณมาซาโอมิ”
            ...
            “แหม...ก็ต้องคิดถึงสิคะ”
            ...
            “ฮึๆ คุณมาซาโอมิก็.. ดิฉันลูกหนึ่งแล้วนะคะ แถมโตแล้วด้วย”
            ...
            “ก็นั่นแหละค่ะ ที่ฉันกลัว ฉันกลัวว่าลูกจะยอมรับคุณไม่ได้ แถมสามีของฉันเขาก็ไปทำงานที่ต่างเมืองอีก”
            ...
            “ขอบคุณนะคะที่ให้กำลังใจ แต่ว่าตอนนี้ฉันขอคิดก่อนแล้วกันนะคะ ไว้ถ้าคิดออก ฉันจะให้คำตอบกับคุณทันที”
            ...
            “ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
            แม่ของเขา
            กำลังคุยกับใครกัน?!!
            คนที่ชื่อว่า ‘มาซาโอมิ’ งั้นเหรอ?
            คิริโนะนึกสงสัยอยู่ภายในใจ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังกำมือแน่นมากแค่ไหน
            ตึกตึกตึกตึก
            เขารีบวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องของเขา จนคนที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์ไปถึงกับสะดุ้งโหยง! เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงขึ้นบันได แต่ลูกก็ขึ้นห้องไปตั้งแต่ก่อนจะรับสายแล้วนี่ ไม่น่าจะมีใครหรอกมั้ง เธออาจจะแค่...
            หูฝาด...
            “สงสัยฉันคงจะทำงานหนักไปหน่อยล่ะมั้ง”

#relationship

            “โธ่เว้ย!”
            ฟุ่บ
            ร่างบางทิ้งตัวลงกับเตียงนอนอย่างนึกอยากระบายอารมณ์ แต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะขว้างปาข้าวของให้กระจัดกระจาย ก็ทำไม่ได้ เพราะเขายังไม่รู้ว่า ‘สิ่งที่เขาคิด มันจะเป็นอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า’ ต้องใจเย็นๆเข้าไว้ ใจเย็นๆ
            “เฮ้อ...ใจเย็นๆ ฮึบ!” คิริโนะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่กระเป๋า จากนั้นก็หยิบการบ้านออกมาทำตามที่คิดไว้ตั้งแต่แรก และส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้ตัวเองฟุ้งซ่านเรื่องเมื่อกี้
            Krrrrd
            “เอ๋? ใครส่งอะไรมาน่ะ?” เขาว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู
            ;คาริยะ;
            หลังจากนี้ก็ปิดเทอมแล้ว ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่ก็ห้ามนอนดึกนะครับ เดี๋ยวไม่สวย แล้วอีกอย่างผมก็เป็นห่วงรุ่นพี่ด้วย กลัวว่ารุ่นพี่จะพักผ่อนไม่พอ แล้วก็จะป่วย ขี้เกียจดูแลครับ -0-b
            อะ..อีกแล้ว/////
            คำว่าเป็นห่วงอีกแล้ว
            ใจเต้นแรงอีกแล้ว
            “หึ...เด็กบ้าเอ๊ย” เขามองข้อความในมือถือพร้อมคลี่ยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว...
            ไม่รู้ตัวว่าเด็กบ้าคนนั้นได้ทำให้เขายิ้มในเวลาแบบนี้มาหลายครั้ง ชอบส่งข้อความโง่ๆในตอนที่เขาอยู่คนเดียว ชอบโทรหาเขา ถามเกี่ยวกับตัวเขาเยอะแยะไปหมด บางทีเขาก็คิดนะ ว่าทำไมทาคุโตะถึงไม่โทรมาในเวลาที่เขาต้องการบ้าง
            ...คิริโนะ รันมารุ...
            เขาคงไม่รู้ตัวเลยจริงๆสินะ
            ว่าเด็กบ้าคนนั้นน่ะ
            ครอบครองพื้นที่หัวใจของเขาไปมากเท่าไหร่แล้ว


#relationship

No comments:

Post a Comment