EP.2

-2-

เช้าวันอาทิตย์...
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาแยงตาเจ้าของผมสีชมพูหวานแหวว เขาพลิกตัวหันหนีแสงสว่างพร้อมกับนอนบิดตัวไปมาด้วยความเพลียและความเมื่อยล้าที่นอนมาแปดชั่วโมง
            “อื้มมมมมม...” เขาครางในลำคอเมื่อรู้สึกสบายตัวหลังจากที่บิดไล่ความเมื่อย
            ไหนๆก็ตื่นแล้ว เรื่องอะไรเขาจะนอนต่อได้ลงล่ะ ว่าแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ปรับสายตาและตั้งสติ ผมยาวระดับบ่าที่ไม่ได้ผูกเป็นทวินเทลที่เขารู้สึกว่ามันน่ารำคาญ จึงสบัดผมเพื่อให้มันไปอยู่ข้างหลัง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แล้วลงไปข้างล่าง
            ตึก ตึก ตึก
            เจ้าของผมสีชมพูลงบันได แล้วมาที่ห้องอาหารด้วยสภาพชุดนอนที่ใส่นอนเมื่อคืน ไม่มีการล้างหน้าหรือแปรงฟันแต่อย่างใด ผมก็ไม่ได้หวี แต่ทว่ายังคงความน่ารักไว้ได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไร
            “รันมารุ ตื่นแล้วทำไมไม่ล้างหน้าแปรงฝันก่อนลงมาล่ะลูก” หญิงสาวผู้ที่เป็นมารดา ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันกับเขา ทั้งเส้นผมสีชมพูและดวงตาสีฟ้า เธอกำลังจัดโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมกินมื้อเช้ากับสมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียว นั่นก็คือเขานั่นแหละ
            “แล้วนี่เช้านี้มีอะไรบ้างครับ?” เขาถาม
            “มี...”
            ...
            ในขณะที่เขากำลังกินข้าว ก็ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน เขาชื่อ ‘คิริโนะ รันมารุ’ เพศชาย ตอนนี้อยู่ชั้นม.ต้นปีสอง โรงเรียนไรมง ชมรมฟุตบอล ตำแหน่งกองหลัง เบอร์สาม มีแฟนชื่อชินโด ทาคุโตะ โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ชมรมเดียวกัน ตำแหน่งกองกลาง เบอร์เก้า และเป็นอดีตกัปตันทีมฟุตบอลไรมง นอกจากนั้นทาคุโตะยังสามารถเล่นเปียโนได้(แถมเก่งด้วย) การเรียนก็ดี ฐานะยิ่งดีกว่า เขานี่ช่างมีแฟนที่เพอร์เฟคเสียจริง
            ดิ๊งด่อง~ ดิ๊งด่อง~
            เสียงใครมากดกริ่งที่หน้าบ้านเขาในเวลาเช้า(?)แบบนี้เนี่ย แล้วยังเป็นวันหยุดอีก
            ดิ๊งด่อง~ ดิ๊งด่อง~
            เออๆ เขาจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ ฮึ่มมม!
            ตึกตึกตึกตึกตึก
            แอ๊ดดด
            เมื่อคิริโนะเปิดประตูบ้านและเดินตรงไปยังประตูรั้วบ้านที่ซึ่งมีคนกดกริ่งอยู่ เขาก็รีบเดินไปเปิดให้ทันที แต่ทว่ามันกลับทำให้เขาอยากจะกุมขมับ เมื่อ... “ขายังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ!”
            นั่นคงเป็นคำทักทายแรกที่คนเป็นแฟนกันเจอกันสินะ =_=”
            “อย่าลืมสิรันมารุ ฉันเป็นใคร นี่ฉันเป็นถึงคุณชายตระกูลชินโดเลยนะ ฮ่ะๆๆๆๆ” เขาขอมองแรงสักที แฟนก็แฟนเถอะ
            “เอ้อออ ใช่ซี้~ นายมันคุณชายนี่เนอะ คนรับใช้คงไม่ปล่อยให้เดินมาคนเดียวหรอก คงจะมีราชรถมาแห่ส่งนายถึงหน้าบ้านฉัน” รันมารุยืนเท้าสะเอวคุยกับเขาที่หน้าประตูรั้วบ้าน แต่ที่รันมารุพูดมาก็เป็นความจริง ถึงแม้ว่าจะมีความเวอร์วังอลังการดาวล้านดวงใส่ลงไปด้วยนิดหน่อยก็เถอะ
            “คนขับรถแค่ขับรถมาส่งฉันที่หน้าบ้านนายเฉยๆ พูดอย่างกับว่าฉันเอาขบวนแห่ขันหมากมาสู่ขอนายงั้นแหละ” เขายักคิ้วสองสามทีให้รันมารุ จนอีกฝ่ายถึงกับเบะปากใส่เขา
            “ครับคุณชายยย... เข้าบ้านกันเถอะคร้าบ มันร้อนคร้าบ” ทาคุโตะอาศัยช่วงที่รันมารุยื่นหน้าเขามาหาเขาแล้วจากนั้นเขาก็จุ๊บปากนุ่มๆของอีกฝ่ายไปหนึ่งที
            “ไอ้บ้า ./////. ”

#relationship

            ทั้งคู่นั่งคุยเล่นกันที่กันตามลำพัง เพราะแม่ของคิริโนะมีงานด่วนจากบริษัทเข้ามา คิริโนะที่ตอนนี้ไม่ได้สวมชุดนอนแต่เป็นเสื้อยืดสีขาวที่ยาวมากับกางเกงขาสั้นสีดำ
            เสียงโทรทัศน์ที่ถูกเปิดคลอไว้กับเสียงพูดคุยของคิริโนะและชินโดเบาๆ จอภาพก็ฉายเป็นละครที่อยู่ในรอบรีรัน ดูเหมือนจะเป็นละครน้ำเน่าที่น่าเบื่อสิ้นดี คิริโนะคิดอย่างนั้น...
            “ถ้าฉันขาหายแล้ว นายอยากไปไหนหรือเปล่า?” ขณะคิริโนะที่นั่งข้างๆกำลังซบไหล่เขาอยู่ เขาก็ถามขึ้นมา
            “ทุกที่...” คิริโนะพูด สายตามองไปที่หน้าจอโทรทัศน์ แต่เนื้อหาของละครกลับได้เข้าหัวไม่
            “ฮ่าๆๆ ทุกที่เลยเหรอ?? แล้วนี่ฉัน...” ชินโดยังพูดไม่ทันจบ คิริโนะก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ทุกที่... ที่มีนาย”
            เจ้าของผมสีชมพูหันมาหาเจ้าของบ่าที่ตัวเองซบอยู่ ใบหน้าของทั้งคู่ค่อยๆร่นระยะห่างเข้ามาเรื่อยๆ หน้าผากชนหน้าผาก ปลายจมูกสัมผัสกัน และอีกเพียงนิดเท่านั้น ริมฝีปากก็จะแตะกัน และ...แตะกันในที่สุด ชินโดเลาะเล็มริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างของคิริโนะเหมือนเป็นการขออนุญาต ก่อนที่คิริโนะจะยอมเปิดปากให้เขาได้ส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปาก ไม่ว่าจะจูบกันกี่ครั้ง มันก็ยังหวานเหมือนเดิม
            “อื้มมม” เสียงคิริโนะครางในลำคออย่างพอใจในรสจูบ
            ก๊อก ก๊อก ก๊อก
            !!!
            แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นอันหยุดชงัก เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังเข้ามาในดสตประสาทของทั้งคู่ ก่อนที่จะตามมาด้วย...
            แกร๊ก!
            ...เสียงบิดลูกบิดประตู
            “กลับมาแล้วจ้า!”

#relationship

            เช้าวันจันทร์...
            เจ้าของผมสีชมพูผูกทวินเทลก้าวเข้ามาในห้องชมรมฟุตบอล ทุกคนต่างหันมองมายังสมาชิกที่เข้ามาใหม่ ก่อนจะหันกลับไปเหมือนเพียงแค่รับรู้ว่าใครมาเท่านั้น ยกเว้นเสียแต่ว่า...หนึ่งในทุกคนที่ว่านั่นน่ะ...
            “อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่คิริโนะ” คาริยะ มาซากิ ม.ต้นปีหนึ่ง ตำแหน่งกองหลัง เบอร์สิบห้า นิสัยไม่ดี แต่ก็เหมือนจะไม่ดี โดยรวมๆแล้วน่าจะดี(?) อ่า...เรื่องนิสัยน่ะ ช่างมันไปเถอะ เขาเองก็ค่อนข้างงงๆอยู่เหมือนกัน =_=”
            “อรุณสวัสดิ์คาริยะ” เขากล่าวอรุณสวัสดิ์กลับตามมารยาท แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆอ่ะ มันดูวาวๆวับๆ เหมือนเจอเหยื่ออันโอชะตรงหน้า
            “รุ่นพี่คิริโนะครับ ทำไมวันอาทิตย์พี่ถึงไม่ว่างเหรอครับ?
            กึก
            !!!
            เอาแล้วไง! เช้ามาก็เจอคำถามยากเลย แล้วทีนี้จะตอบมันไปยังไงล่ะเนี่ย!!! จะให้ตอบว่า...
            ‘อ๋อ...พอดีว่าฉันมีเรียนพิเศษน่ะ’
            ไม่ได้ๆ! เดี๋ยวคาริยะต้องถามเจาะประเด็นจนพรุนแน่!
            ‘อ๋อ...พอดีว่าฉันมีทำรายงานส่งครูวันนี้น่ะ เวลากระชั้นชิดมากเลยใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆ’ แถแล้วปิดท้ายด้วยการหัวเราะกลบเกลื่อนหน้าดินงั้นเหรอ? ก็น่าสนนะ แต่มันไม่ใช่เขาเลย! หากทำแบบนั้นล่ะก็มีหวังโดนจับผิดชัวร์!
            แล้วถ้าเขาโกหกว่าทาคุโตะมาบ้านเขาล่ะ!!
            เอ่อ...แต่มันเป็นความจริงไม่ใช่หรือไง? ที่ทาคุโตะมาหาเขาที่บ้านน่ะ -0-
            “อะ...อ๋อ พอดีว่าเมื่อวานทาคุโตะมาหาฉันที่บ้านน่ะ เลย...ไม่ว่าง...”
            “...”
            “...”
            “เหรอครับ งั้น...” เสียงของคาริยะดูหงอยลงกว่าปกติ
            “คราวหน้าถ้ารุ่นพี่คิริโนะว่าง ผมอยากจะชวนรุ่นพี่ไปกินไอติมที่ร้านไอติมฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนน่ะครับ เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนก่อน เลยอยากจะพารุ่นพี่ไปลองกินด้วยกันดูน่ะครับ” เขาจะถือเสียว่าคาริยะชวนไปแล้วกัน... ฮะ...เฮ้ย! ไม่ใช่ดิ!!! คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก...
            “อ่อ งั้นไว้ฉันว่างแล้วกันนะ” คิริโนะพูดทิ้งไว้แค่นั้น เพราะสายตาเขาเหลือบไปเห็นทาคุโตะที่เดินเข้ามาในห้องชมรมพอดี ขาก็ก้าวเข้าไปหาคนผมสีเทา ตาสีเปลือกไม้ โดยไม่ทันสังเกตว่าอีกคนได้แต่ยืนมองความขาไวของรุ่นพี่ด้วยความครุกกรุ่น
            เป็นเพราะเขามาทีหลัง...
            หรือเพราะชายคนนั้นดีกว่าเขา?
            รุ่นพี่จึงเลือกที่จะสนใจชายคนนั้นโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับมามองคนที่คอยยืนอยู่ตรงนี้บ้างเลย อ่า...อันที่จริง...
            มันไม่ใช่ ‘คอยยืนอยู่ตรงนี้’ หรอกนะ
            แต่เขาทำได้แค่...
            ‘...ยืนอยู่ตรงนี้เท่านั้น’


#relationship

No comments:

Post a Comment