EP.3

-3-

            “วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมใหม่ แต่ว่าพรุ่งนี้ฉันไม่อยู่นะ ซ้อมกันเองไปก่อนแล้วกัน โอเค! งั้นแยกย้ายกันกลับบ้านได้!”
            พอสิ้นคำชี้แจงของโค้ช ‘เอนโด มาโมรุ’ แล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกัยออกจากสนาม บ้างก็ไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน บ้างก็กลับบ้านเลย
            ตึกตึกตึกตึกตึก
            คิริโนะเดินไปหาชินโดที่นั่งอยู่ข้างสนาม ใช่...เพราะขาเขายังไม่หายดี โค้ชเอนโดเลยไม่ให้เขาลงซ้อมกับคนอื่นๆ แต่ใจของชินโดน่ะ อยากให้ขารีบหายเร็วๆ เพราะเขาเห็นว่าเจ้าเด็กนั่นพยายามจะแตะเนื้อต้องตัวแฟนของเขาหลายครั้งแล้ว ครั้นจะไปบอกอื่นว่า ‘เฮ้! นั่นแฟนฉันเอง อย่าให้เจ้าเด็กนั่นแตะแม้แต่ปลายเล็บนะ’ มันก็ดูเวอร์มากเกินไป แถมเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์นี้อีก เลยทำให้ต้องใช้ความอดทนมหาศาลในการควบคุมอารมณ์
            แล้วทำไมไม่เปิดตัวเสียที?
            นั่นก็เพราะว่าเขาเบื่อการโดนแซว ขนาดไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกัน เขายังโดนล้อโดนแซวเลย... แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะเหตุผลจริงๆคือเขากลัวว่าครอบครัวจะรับไม่ได้ ที่เขาชอบผู้ชาย
            ไม่สิ...
            เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย!
            แต่แค่คนที่เขาชอบเป็นผู้ชาย
            “ชินโด กลับบ้านกัน ^^ ” คิริโนะเรียกเขาว่าชินโดเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน และเขาเองก็เรียกอีกฝ่ายว่าคิริโนะ เวลาอยู่ต่อหน้าทุกคนเหมือนกัน
            “อื้ม ป่ะ” ชินโดลุกขึ้นโดยมีเขาคอยช่วยพยุงตัวอีกฝ่ายพร้อมกับถือไม้พยุง คนอื่นอาจจะดูว่ามันลำบากนะ แต่เขาเองก็ไม่เห็นว่ามันจะลำบากตรงไหนเลย ก็เพราะว่าทาคุโตะเป็นแฟนของเขาล่ะมั้ง เลยทำให้คิดว่าไม่ลำบากเท่าไหร่
            ตึก ตึก ตึก ตึก
            “รุ่นพี่คิริโนะครับ อย่าลืมที่ผมบอกนะครับ ถ้ารุ่นพี่ว่างเมื่อไหร่ก็บอกผมเลย เดี๋ยวผมพาไป ^^ ” คาริยะเดินมาหยุดที่พวกเขาสองคน ก่อนจะเอ่ยกับรันมารุเหมือนนัดอะไรกันไว้โดยที่เขาไม่รู้... แต่ทำไมต้องมาจับแขนรันมารุด้วยเล่า?!!
            “อะ...อืม” คิริดนะแทบหยุดหายใจ เมื่อคาริยะเอ่ยย้ำเรื่องคำชวนไปร้านไอติมหน้าโรงเรียน เอ่ยย้ำตอนไหนก็ได้มั้ย แต่มันต้องไม่ใช่ตอนที่เขาอยู่กับทาคุโตะสิ!!!
            “งั้นผมกลับก่อนนะครับรุ่นพี่คิริโนะ รุ่นพี่ชินโด”
            ฟึ่บ
            คาริยะเดินแทรกกลางระหว่างคิริโนะกับชินโดไปแล้ว แต่บางอย่างที่คาริยะทิ้งไว้กับชินโดมันจะไม่จบแค่นั้น

#relationship

            [ชินโด]
            เมื่อสักครู่รัมารุเพิ่งมาส่งผมที่บ้านและกลับไปแล้ว... หึ ไอ้เด็กนั่น เก้าอี้ดนตรีงั้นเหรอ?
            ‘ความรักก็เหมือนเก้าอี้ดนตรีครับ เพราะมานั่งช้าไปก็จะหมดสิทธิ์ แต่ผมจะรอรอบใหม่ รอให้ผมได้มีโอกาสนั่งข้างๆรุ่นพี่คิริโนะ’
            ก็ช่างหาคำมาเปรียบเปรยดีอยู่หรอกนะ แต่การที่คาริยะรุกเข้ามาแบบนี้ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่แล้วล่ะ แน่นอนว่าวันหนึ่งมันต้องมาถึง วันที่รักสามเศร้าจะเกิดขึ้น เพราะผมรู้ว่าคาริยะรู้สึกดีกับรันมารุตั้งแต่เข้าชมรมมาใหม่ๆแล้ว และผมเองก็เลือกที่จะเฉยๆไป เพราะว่าผมกับรันมารุคบกันแล้ว
            แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกกลัว...
            ผมว่าผมเริ่มกลัวใจของรันมารุ ผมกลัวว่าเขาจะไม่ได้รักผมแค่คนเดียว ผมกลัวว่าวันหนึ่งเขาต้องทิ้งผมไป แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะช้าหรือจะเร็ว...มันก็ต้องเกิดขึ้น
            หรือผมต้องทำให้มันชัดเจนขึ้น?
            ผมควรจะเปิดตัวว่าเราคบกันเลยดีมั้ย? คาริยะจะได้เลิกยุ่งกับรันมารุเสียที
            แต่ถึงไม่เปิด คาริยะก็รู้อยู่แล้ว แถมยังคงมาวอแวรันมารุอยู่อีก -_-
            แล้วหากผมชิงเปิดตัวก่อนที่คาริยะจะมาเอาแฟนผมไปล่ะ เพราะถ้าผมทำอย่างนั้น คาริยะอาจจะได้เข้าใกล้แฟนผมน้อยลง เพราะคนอื่นๆก็รู้กันหมด เลยทำให้อะไรๆดูลำบากขึ้น และ...
            ก๊อก ก๊อก ก๊อก
            !!!
            “คุณหนูคะ! ลงมาทานมื้อเย็นค่ะ”

#relationship

            [คิริโนะ]
            ไม่รู้นึกยังไงของเขานะ แต่มันไม่ดีเลยที่มาเดินแทรกกลางระหว่างผมกับทาคุโตะ ทำแบบนี้มันเหมือนท้าทายกันชัดๆ แล้วอีกอย่าง มันทำให้ผมไม่สบายใจเอาเสียเลย อย่างนี้มันต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!
            Rrrrrrrrrr
            นั่นไง ตายยากจริงๆ -*-
            (ฮัลโหลครับรุ่นพะ---)
            “ทำไมนายถึงต้องมาเดินแทรกกลางระหว่างฉันกับชินโด?!!!”
            ยังไม่ทันให้คาริยะได้ทัก ผมก็ชิงโพล่งขึ้นเสียก่อน
            (ผมขี้เกียจอ้อม)
            “โกหก!”
            (นี่รุ่นพี่คิริโนะ...ผมก็แค่เดินผ่านพวกพี่ไปเฉยๆ คิดอะไรมาก)
            คิดอะไรมากงั้นเหรอ...?
            “กล้าพูดมากเลยนะคาริยะ นายก็รู้ไม่ใช่หรือไง ว่าฉันกับชินโดคบกันอยู่น่ะ!”
            (รู้ครับ)
            “รู้? แต่ทำแบบนี้เนี่ยนะ!!! มันหมายความว่ายังไงวะ!!!!”
            ผมตะโกนใส่ปลยสายอย่างโกรธเคือง คือ...รู้ รู้แล้วมาทำแบบนี้เนี่ยนะ ผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ ถ้ารู้แล้วมันต้องไม่ทำดิ แต่นี่อะไรอ่ะ เดินแทรกกลางเลยไง
            (มันก็หมายความตามนั้นไงครับ)
            !!!กวนประสาท!!!
            “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่นายอย่าทำแบบนั้นอีก”
            ผมพูดดวยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนลงจากเมื่อกี้
            (เอาตามตรงเลยนะครับ ผมชอบรุ่นพี่คิริโนะ ชอบ...ชอบตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะครับ)
            อะ...
            (แล้วที่รุ่นพี่คิริโนะถามว่ามันหมายความว่ายังไงที่ผมเดินแทรกกลางใช่มั้ยครับ นั่นก็เพราะผมหึงรุ่นพี่ครับ แล้วผมก็ไม่ชอบเวลาที่รุ่นพี่อยู่กับรุ่นพี่ชินโด)
            คาริยะ...นาย...
            (...พอใจหรือยังครับ)
            “คาริยะ ฉัน...”
            (ฮ่าๆๆๆ รุ่นพี่คิริโนะคงยังตั้งตัวไม่ทันใช่มั้ยครับ ผมไม่รีบเอาคำตอบจากรุ่นพี่หรอกครับ เพราะผมรู้ว่ารุ่นพี่คงหามันไม่ได้ในเร็วๆนี้หรอก...)
            “...”
            (แต่ผมจะทำให้มันชัดเจนขึ้นเอง นับจากนี้เป็นต้นไป)
            “...”
            (ราตรีสวัสดิ์นะครับ รุ่นพี่คิริโนะ นอนไวๆนะครับ ผมเป็นห่วง)
            ตู้ดดด...
            วางไปแล้ว...
            “อ้ากกกกกก!!!!!!! นี่มันวันบ้าอะไรวะเนี่ย!!!! แล้ว...แล้ว...แล้วไอ้หัวใจบ้าๆนี่จะเต้นทำไม คาริยะมันก็แค่...ก็แค่...กะ...กะ..ก็แค่...”
            บอกว่า ‘เป็นห่วง’ เอง


#relationship

No comments:

Post a Comment