8 - โอนให้สุดแล้วหยุดที่ 0 บ.

บางทีผมก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี...

หลังจากที่โดนขโมยจูบบนรถ ผมก็นั่งอมยิ้มเงียบๆเหมือนคนพี้ยา จนเขามาส่งที่บ้าน ถึงได้สติแล้วมานอนดีดดิ้นอยู่บนเตียงคนเดียว

ผมกลิ้งตัวไปมาจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ หมอนผ้าห่มที่จัดไว้เมื่อเช้ากระจายเละเทะทั่วเตียง

ผู้ชายคนนั้นทำให้ผมแพ้ได้ตลอด ตั้งแต่ตอนนั้นกระทั่งตอนนี้ ตลอดมา...ผมหลงรักเขาหมดใจ จน...

เอี๊ยดดดดดดด

โครม!!!

เทนมะ!!!

"พอสักที!!!" ผมตะโกนเรียกสติตัวเองให้กลับมาและให้หยุดคิดถึงเหตุการณ์นั้น แล้วโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน

ตอนนั้นพี่เคียวสุเกะไม่สนใจผม ผมทำดีแค่ไหนพี่ก็ไม่สนใจผมเลย... คงถึงตาที่ผมต้องเอาคืนแล้วล่ะ คนใจร้ายเตรียมตัวให้ดีเถอะ!
.
.
.
.

*

พอผมส่งน้องเทนมะที่บ้านแล้ว ผมก็ขับรถมาที่คลับของชินโดทันที แต่จะเรียกว่าของชินโดคนเดียวก็ไม่ค่อยถูกเท่าไร เพราะพวกผมทั้งสี่คนต่างก็ร่วมลงทุนในที่แห่งนี้ด้วย ชินโดจะคอยบริหารและออกมาดูร้าน ฮาคุริวกับแฟนมันทำหน้าที่เรียกแขกในฐานะบาร์เทนเดอร์ และไทโยก็คอยเรียกแขกด้วยการมาดื่มกินที่นี่บ่อยๆเท่าที่มีโอกาสและเวลา ส่วนผมทำหน้าที่เป็นกระเป๋าตังค์ หากมีเรื่องจำเป็นจะต้องเบิกหรือใช้จ่ายก็มาสามารถนำเงินไปใช้ได้ เงินจะออกจากบัญชีได้ก็ต่อเมื่อผมอนุญาติ

คนที่ออกความคิดให้ทำคลับคือไอ้ฮาคุริว เพราะมันเห็นว่ามีคลับที่ใกล้เจ๊งแถวสุขุมวิท ถึงพวกผมจะเกิดจากครอบครัวนักธุรกิจที่เก่งด้านนี้และยังร่ำรวยจนไม่สามารถสัมผัสถึงคำว่ายาจก แต่การจะให้คนที่มีประสบการณ์ไม่มากอย่างเราๆไปบริหาร ก็เกรงว่าจะเกินตัว อีกอย่างก็คือ ทั้งกลุ่มมีแค่ชินโดกับไทโยเท่านั้นที่เรียนบริหาร ผมเรียนแพทย์ ไอ้ฮาคุริวเรียนวิศวะ แล้วรู้มั้ย วันนั้นไอ้ฮาคุริวมันให้เหตุผลที่น่าเอาตีนตบมาก

'ก็พวกมันเคยช่วยงานที่ธุรกิจบ้านมันไม่ใช่เหรอ แล้วมันก็เรียนบริหารด้วยนี่'

พ่องเถอะ! ช่วยงานกับทำงานจริงมันจะไปเทียบเท่ากันได้ยังไง! แล้วเรื่องพวกนี้ใช่ว่าอยากจะทำ อยากจะลงทุนก็เอาเลย พอไม่เอาก็จะทิ้งได้ง่ายๆเสียที่ไหน แถมเรียนกับประสบการณ์ตรง ผมว่าอย่างหลังดูจะเป็นไปได้มากกว่าอีก

สุดท้ายแล้ว พวกเราก็ต้องวางแผนและขอคำปรึกษาจากเหล่าพ่อๆแม่ๆนักธุรกิจร้อยล้านพันล้านของเรา จนถึงจุดที่คิดว่าสมบูรณ์แล้ว ชินโดเลยทำหน้าที่ซื้อคลับนั่น พนักงานที่มีอยู่แต่เดิมก็เอามาช่วยงาน ส่วนเจ้าของร้านคนเก่าก็เอามาช่วยดูแลร้านในระหว่างที่พวกเรากำลังเรียนหรือติดธุระ

ถ้าผมจำไม่ผิด คลับนี้เปิดตอนพวกผมอยู่ปี 3 ตอนนั้นผมกำลังเรียนเกี่ยวกับสภาพร่างกายผิดปกติและการรักษาอยู่ เวลาที่มีให้กับคนรอบข้างมีน้อยลงกว่าเดิมลงไปเรื่อยๆต้องนอนดึกตื่นเช้า บ้างก็ไม่ได้นอน ต้องอ่านมาราธอน เพราะควิซมีบ่อยจนแทบจะกลายเป็นวิชาควิซ ปิดเทอมมีแค่อาทิตย์เดียวแต่ก็เหมือนไม่ได้ปิด เพราะต้องคอยอ่านหนังสืออยู่ตลอด

ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเด็กคนหนึ่งคอยตามตื๊อตามกวนผมตลอด

ตอนนั้นด้วยแรงกดดันจากพ่อที่อยากให้ผมมาบริหาารธุรกิจที่บ้านและการเรียน เลยทำให้ผมรำคาญ และคิดเสมอว่าทำไมเด็กนี่ถึงคอยขอความรักอยู่ได้...

เป็นแบบนี้ทุกวัน..ทุกวัน...จนผมเริ่มชิน เวลาผ่านไป 1 ปี ความรำคาญที่เคยมีหายไป แต่พอเข้าปีที่สอง เด็กคนนั้นโตขึ้นพร้อมกับการเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตมากขึ้น และพ่อก็กดดันผมมากขึ้นอีก ไล่ผมออกจากบ้าน โดยไม่ช่วยเหลือเรื่องการเงิน และสั่งห้ามไม่ให้ใครช่วยเหลือผมเด็ดขาด

วันนั้นก็ได้เด็กนี่คอยปลอบใจ...

แต่ตัวผมไม่อยากให้ใครได้เห็นด้านที่อ่อนแอ จึงผลักใสความเป็นห่วงนั้น แล้วตัดสินใจซิ่วจากแพทย์ไปเรียนบริหาร ในเมื่ออยากให้ผมช่วยพ่อนัก ผมก็จะช่วย แต่มีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อแน่นอน เพราะผมถึงกับยอมทิ้งอาชีพในฝันของตัวเอง อาชีพที่ผมอยากเป็นเหมือนแม่ที่เสียไป

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันฉลองเปิดบริการวันแรกของคลับแล้ว ผมจึงเข้ามาวางแผนกับชินโด แต่เหมือนจะมาผิดเวลานิดหน่อย เลยตัดสินใจว่าจะมาวันหลังแทน

ผมขับรถที่โคตรหรูและโคตรแพงกลับบ้านของผม

บ้านที่ไม่มีพ่อและพี่ชายต่างแม่คนนั้น

พี่ยูอิจิ...

เขาเกิดจากภรรยาคนแรกของพ่อ ต่อหน้าพ่อและคนอื่นๆจะทำเป็นดีกับผม เหมือนว่ารักกันดี แต่พอลับหลังก็เมินเฉยเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน ชอบพูดจาถากถาง ตอนเด็กๆผมมักจะถูกกลั่นแกล้งจากพี่ชายคนนั้นอยู่เสมอ ทำให้ล้มเอย แย่งของเอย แต่พักหลังๆไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

ผมก็เข้าใจ ไม่มีใครชอบให้พ่อของตัวเองมีเมียน้อยหรอกนะ

เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ผมก็เดินขึ้นไปชั้นสอง แล้วเข้าไปในห้องของตัวเองทันที บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่ แต่ไม่เท่ากับบ้านของน้องเทนมะหรอกนะ

สายตาผมไล่มองรูปทุกใบที่ติดอยู่บนกำแพงห้อง ส่วนใหญ่เป็นที่แอบถ่ายมาและส่วนน้อยเป็นที่หาได้ตามสื่อต่างๆ

แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก

หมับ

มือของผมหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา มันเป็นรูปคู่รูปแรกและรูปเดียว โดยคนที่ถ่ายคือเด็กที่ผมรำคาญในวันนั้น...

จุ๊บ

ผมจูบลงตรงตำแหน่งใบหน้าหวานของเด็กน้อย

สักวันผมจะทำให้ที่นี่กลายเป็นบ้านของเรา...
.
.
.
.

*

ปัง!!!

"อะไรนะม๊า!!?!!" ผมตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นอย่างลืมตัว เพราะตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องพี่ไทโยจากปากม๊าสุดที่รัก(รองจากพี่ไทโย)

"ไม่น่ารักเลยเทนมะ นั่งลงเดี๋ยวนี้" ป๊าติแล้วสั่งให้นั่งลง ผมยอมทำตามแต่โดยดี

นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะทุกคน

พี่ไทโยพาพี่เฮียวกะหนีไปแล้ว!!!! แล้วบ้านนั้นกำลังหัวร้อนมากเลยที่พี่ไทโยทำอย่างงั้น

มิน่าล่ะ วันนี้ทั้งวันถึงไม่เห็นพี่ไทโยเลย... แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเขามีความสุขผมก็สนับสนุนเต็มที่ เอาเลยพี่! หนีให้สุด ถ้าพ่อตาไม่ฉุด อย่าหยุดนะพี่ไทโย~ //โบกผ้าเชียร์ พรึ่บ พั่บ พรึ่บ พั่บ

ผมยิ้มอย่างมีความสุข และทุกคนในบ้านต่างก็มีสีหน้าเดียวกัน รวมถึงนายสุชาติคนขับรถที่เห้นยิ้มระรื่นตั้งแต่เช้า

จะลงโทษให้หนักเลย! โทษฐานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อุบเรื่องดีๆไว้ งืมมม น้อยใจนะเนี่ย ไม่ยอมบอกเลยสักคน

"เป็นอะไรล่ะเรา หน้างอเชียว หืม?" ม๊ายิ้มแล้วถามผมก่อนหัวเราะน้อยๆ

ผมพองลมแก้มแล้วตอบกลับไป "ถ้าผมไม่ทักว่าพี่เขาไปไหนก็จะไม่บอกกันเลยใช่มั้ย..."

"โธ่เอ๊ย...ลูกรักกกกก งอนซะแล้ว คุณช่วยง้อหน่อยสิ" ม๊าหันไปหาป๊าที่นั่งทานข้าวอยู่โต๊ะ

จริงๆก็ไม่ได้งอนอะไรมากหร๊อก... แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย...

แต่ถ้าจัดคอนเวิร์สให้สักคู่ หรือมอเตอร์ไซค์เท่ห์ๆสักคันจะหายงอนเร็วขึ้นนะ (ช้อนตามอง)

จะให้ดีขอบัตรเครดิตแบบวงเงินไม่จำกัดจะเวิร์คกว่า แบบว่ารูดปื๊ดๆ

"อะแฮ่ม!" ป๊ากระแอมไอ ผมหันไปมองอย่างมีความหวัง

"งอนแบบนี้ต้องง้อด้วยอะไรล่ะเนี่ย ไม่รู้เลย..." ผมรู้ป๊าฉลาด เดาออกอยู่แล้วครับ

"อืมมม..." ชายวัยกลางคนทำหน้าครุ่นคิด จนผมอดลุ้นตามไม่ได้ "แอปเปิ้ลรุ่น Z ที่เพิ่งออกใหม่หรือเปล่าน้า..?"

จริงๆอันนี้ก็น่าสนนะ ไว้ว่างๆจะปาของปัจจุบันลงระเบียง

"บางทีของเดิมอาจจะดีอยู่ ฮึ่มมม เดายากจริง" ไม่ยากเลยป๊า!!

"...ก็ถ้า...คิดไม่ออกน่ะนะ ให้เงินมาก็ได้ เดี๋ยวซื้อเอง" ผมกล่าวอ้อมแอ้ม

ต้องให้พูดเองตลอดเลยอ้ะ!

"แค่ล้านเดียวนะ" ป๊ากำชับ

ล้านเดียว? ล้านเดียว?? ล้านเดียวเนี่ยนะ???

ป๊าจะเอาไปเดินเล่นในเซเว่นเหรอออ!!!

"ล้านห้า" ผมต่อ ...เชื่อเถอะ วิธีการที่ดีเราต้องค่อยๆต่อให้สุงจนกว่าจะถึงจุดที่พึงพอใจ และคนที่ทำมันให้สูงขึ้นจะไม่รู้ตัวเลย...

"ไม่ได้!"

"ป๊าาาาาาาาา" ชิส์! เริ่มไม่ได้ผลงั้นรึ?!

"ล้านเดียวเท่านั้น!"

ผมก้มหน้าลง...

...เพื่อช้อนตามองอย่างน่าสงสารแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ล้านห้า...นะ"

"..."

"ล้านห้านะป๊าา"

"..." ป๊าเริ่มมีสีหน้าปั้นยาก

เสร็จล่ะ!

เตรียมปิดการต่อรอง!!

"...งั้นผมขอพี่ไทโยก็ได้" ทันใดนั้นม๊าก็พรวดขึ้นมา "ไม่ได้!"

ผมแกล้งทำหน้าสงสัย แต่จริงๆรู้อยู่แล้วแหละว่าพี่เขาต้องใช้เงินแต่งพี่เฮียวกะ

"ทำไมล่ะครับ?"

"พี่เขาต้องใช้เป็นสินสอดให้หนูเฮียวกะ"

นั่นไง

สินสอดพิชิตใจพ่อตา

"อ้ออ" ผมพยักหน้าเหมือนเพิ่งเข้าใจ

ออสการ์ปีนี้ก็ตกเป็นของกูเช่นเคยจ้าาา ตุ๊กตาทง ตุ๊กตาทองต้องมา สุพรรณหงส์ต้องมี นักแสดงนำดีเด่น บลาๆๆ และอีกมากมายนับไม่ถ้วน

"สรุปจะเอาอะไรไหนบอกซิ" ป๊าถามอย่างตรงประเด็น แหมมมม นึกว่าจะลืมซะแล้ว

ผมมองหน้าม๊า แล้วจู่ๆก็นึกอะไรออก

เป็นอะไรที่ผมไม่ได้ทำมานานแล้ว...

"สามล้าน แลกกับเป็นตุ๊กตาให้ม๊า"

เคร้ง!

ม๊าทิ้งช้อนส้อมลงกับจานแล้วปิดปากกรี๊ดแบบไร้เสียง

ท่าทางดีอกดีใจสุดขีดของม๊าอยุ่ในสายตาของป๊าทั้งหมด สุดท้ายท่านจึงจัดการโอนสามแสนเข้าบัญชีอย่างรวดเร็ว และม๊าจองเสาร์อาทิตย์นี้เพื่อจับผมแต่งตัว

ก่อนจะเผชิญความวุ่นวายในวันหยุดนี้ ผมขอช็อปให้หนำใจก่อนแล้วกัน

รักนะป๊า ผมจะผลาญให้หมดเลย
.
.
.
.

*

เพราะงั้นเย็นวันถัดมา ผมเลยมาปรากฏกายที่ห้างสรรพสินค้า..กับคนขับรถส่วนตัวคนใหม่... จริงๆก็ไม่อยากจะมาด้วยกันนักหรอก แต่งานผลประโยชน์ต้องมา

ช่วยไม่ได้ อยากเสนอตัวดูแลเองนี่

ก็นะ คนมันระดับนี้ ไม่มาห้างสรรพสินค้าธรรมดาหรอก เพราะที่นี่จัดได้ว่ามีร้านชื่อดังหลายร้านเกือบพันร้าน ถ้าพวกสายแฟชั่นก็ยกตัวอย่างเช่น วิคตอเรียซีเครท คอนเวิร์ส อาดิดาส กุชชี่ อีทิวด์ ทรีซีอี อะไรพวกนี้

"เทนมะอยากไปดูอะไรก่อนเหรอ?" ขี้เสือกจริง

"..." เงียบใส่แล้วเดินนำหน้าไป

ผมดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยและเมินไอ้คุณสึรุงิไปอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเสียงถามนั่นถามนี่หรือคอยยัดเสื้อผ้าให้ลอง

บัดซบ!

กูอยากดูของกูคนเดียวโว้ยยยยยย

ถึงอย่างงั้นผมก็ได้เสื้อผ้ากับรองเท้าเยอะแยะเลย แถมไม่ต้องถือให้เมื่อยด้วยเพราะมีคนรับใช้ส่วนตัว หุๆๆ ดีจริงๆ ผมพยักหน้ากับตัวเองในใจแล้วเดินต่อ

อ้อ

แล้วของพวกนั้นน่ะ ผมไม่ได้ใช้เงินตัวเองจ่ายแม้แต่แดงเดียว เพราะไอ้คนสูงนั่นอาสาล้วนๆ ประหยัดไปอีกกู

"นี่...ขอพี่ก่อนได้มั้ย" คนที่เดินตามหลังพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังมองร้านนั้นร้านนี้อย่างหมายมาด เฮิ่มมมมม เห็นแก่คนช่วยถือของหรอกนะ ให้พักก่อนก็ได้

แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

หึๆๆๆ

(หัวเราะอย่างชั่วร้าย)

"ได้สิ แต่โซนอาหารอยู่ข้างบน อีกอย่างผมอยากแวะอีกร้านหนึ่งแหนะ ขอแวะก่อนน้าาา" ว่าแล้วผมก็คว้าแขนหนาของไอ้คุณสึรุงิให้มาด้วยกัน ร้านนี้เป็นร้านรองเท้าโอนิซึกะ ไทเกอร์ รู้สึกว่าจะเป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น เห็นรีวิวในเน็ตว่าสวมใส่สบาย ทะมัดทะแมงดี แถมของผู้หญิงสีสดใสด้วย ส่วนของผู้ชายก็สีมีสีขาว สีน้ำเงิน สีดำ จะแตกต่างก็ตรงลายและรูปแบบของรองเท้า น่าลองมากเลยยยยย

ณ จุดนี้ตาเป็นประกายสุดไรสุด

ผมเดินดูรองเท้าที่วางบนที่วางติดกำแพง ที่วางหนึ่งอันมีรองเท้าวางอยู่หนึ่งข้าง ผมเลือกดูแต่ละข้างอย่างสนอกสนใจ บอกพี่พนักงานว่าจะลอง พอได้ที่ถูกใจก็อดกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ ฮื่อออออ ดีมากๆเลย ผมเจอคู่ที่ตัวเองถูกใจแล้วล่ะ เป็นสีน้ำเงิน มีแถบเหลือง แล้วก็อีกคู่หนึ่งเป็นสีขาวลายทางน้ำเงิน

"คู่นี้สามพันสี่ร้อยเก้าสิบ ส่วนคู่นี้สองพันแปดร้อยเก้าสิบค่ะ" หญิงพนักงานขายบอกผมพร้อมผายมือไปทางคู่น้ำเงินเหลืองและคู่ลายทาง

"เอามั้ย?" ไอ้พี่สึรุงิที่นั่งพักอยู่เมื่อกี้เดินมาแล้วถามผม

ผมเม้มปากมองพี่มันสลับกับรองเท้าก่อนจะมองเลยพี่มันไปด้านหลัง ที่เก้าอี้ลองรองเท้าตรงนั้นมีถุงช็อปปิ้งวางอยู่หลายใบ ซึ่งถูกจ่ายด้วยเงินพี่มันล้วนๆ

อืมมมมม อยู่ๆก็เป็นคนดีว่ะ

"...ได้เงินมายังไม่ได้ใช้เลย..." ผมว่าแล้วหันไปหาพี่ผู้หญิง "เอาสองคู่นี้ครับ" เธอขานรับแล้วนำรองเท้าใส่กล่อง ผมส่งบัตรเครดิตให้เธอรูดเงินออกไป พอจ่ายเงินเสร็จสรรพผมก็ถือถุงรองเท้าเดินออกมาจากร้านพร้อมไอ้พี่สึรุงิ

"มา เดี๋ยวถือให้" มือหนาที่เต็มไปด้วยถุงมากมายยื่นมา ผมมองถุงพวกนั้นแล้วเลื่อนสายตามองหน้าเขานิ่ง แต่ดันเผลอไปสบตาสีเหลืองสว่างเข้าให้

บุษราคัมคู่นั้นจ้องเข้ามาในดวงตาผมเช่นกันจนความเห่อร้อนเริ่มเล่นหน้าผมแล้ว

ผมหลบตาแล้วหันกลับไป

"ถือเองได้น่า"

ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ

..เขาต้องทำหน้าแบบนั้นอยู่แน่ๆ..

แม้จะจำไม่ได้ว่าแบบไหน แต่ส่วนลึกของสมองกลับคุ้นเคยอย่างดี

ไม่เห็นจะอยากจำได้เลย!

"เงินที่เอามาจ่ายนั่นน่ะ ของคุณลุงใช่มั้ย"

อยู่ๆเขาก็ถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยผมที่เดินนำหน้าหยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง

"ทำไมเหรอ?" ผมเลิกคิ้วแล้วถามกลับ

"ขอ--เขาให้มาเท่าไหร่" ผมขมวดคิ้ว นั่นที่จะหลุดออกมา อย่าคิดว่าไม่ได้ยินเชียว!

"สามล้าน"

คราวนี้เขาขมวดคิ้วบ้าง

"อะไร? แค่สามล้าน"

"ฟุ่มเฟือยมากเลยนะ นิสัยไม่ดีเลย"

..ง่ะ..

นิสัยไม่ดีเลย

นิสัยไม่ดีเลย

นิสัยไม่ดีเลย

แอทแทคสัส...กูดูชั่วเหี้ยๆเลย

"ล..แล้วไงเล่า.."

"เดี๋ยวพี่จะจ่ายเงินคืนให้ลุงเขา แล้วเทนมะไม่ต้องไปขอคุณลุงแล้วนะ"

เอ้า

ถ้าไม่ขอแล้วผมจะเอาอะไรช็อปวะครับพี่น้อง!?

"ไม่ต้องทำหน้างั้น" พี่มันยิ้ม "ยังช็อปเหมือนเดิมได้ แต่แค่ห้ามขอเงินลุงเขาเฉยๆ"

"เดี๋ยว พี่มึง ถ้าไม่ขอตังค์ป๊า ผมจะเอาตังค์ไหนช็อป??"

ไอ้พี่สึรุงิยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆจนคราวนี้เห็นฟันสวย พี่มันกัดปากตัวเอง จากที่มองหน้ากันเขาก็เสมองอย่างอื่นแทน

"ก็...มีเงินทุกบัญชี รอคนมาใช้เงินด้วยกันไง..ครับ"

บ้าชิบ!

กูหยุดยิ้มไม่ได้เลย



*Up on DekD 11/04/2018

No comments:

Post a Comment