-4-
“รันมารุ”
“รันมารุ”
“คิริโนะ รันมารุ!”
“คะ...ครับ?!” ทันที่เสียงเรียกของชินโดเข้าโสตประสาตของเขา
เขาก็ตกใจและรีบยืนขึ้นมาดดวยความลืมตัว
“ฮะๆ คิดว่าอาจารย์เรียกให้ตอบอีกหรือไงล่ะ?” ชินโดที่นั่งข้างๆเขาพูดพร้อมกับจ้องมองคิริโนะที่ยังยืนอยู่อย่างงงๆ
“หมดชั่วโมงแล้ว ไปกินข้าวกัน”
เขาลุกขึ้นแล้วจูงมือของรันมารุให้ออกไปจากห้อง เพื่อไปซื้อของกินที่โรงอาหาร แล้วค่อยมานั่งกินบนห้องเรียน
ระหว่างทาง รันมารุก็ถามขึ้นมา
“เอ่อ...ทาคุโตะ ทำไมหมดคาบนี้เร็วจังล่ะ?”
“ถ้านายจะถามแบบนี้
สู้ให้ถามฉันว่า ‘เหม่อนานแค่ไหน?’ ดีกว่า”
“แหะๆ” เขาหัวเราะแห้งๆหลังจากที่ทาคุโตะเอ่ยจบ
เฮ้อ...วันนี้เรื่องเรียนก็ไม่ได้เข้าหัวเขาเลย
เพราะว่าเขาเอาแต่คิดเรื่องของคาริยะเสียจนเวลาพักเที่ยงมาถึง
ชอบ
เขามีดีตรงไหนกัน...? คาริยะถึงมาชอบเขา
แถมอีกอย่างหมอนั่นก็รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วแท้ แต่ก็ยังจะมา...
จีบ
ไม่รู้ว่าจะเรียกแบบนี้ดีไหม
แต่ประโยคที่ไม่ว่าจะมานั่งคิด นอนคิด มันก็เหมือนบอกลางๆว่าจีบ เฮ้อ...รันมารุๆ นายอย่าไปคิดเรื่องนี้ให้มันไมเกรนขึ้นเลยน่า
อย่าไปคิดๆๆ
“เลิกคิดได้แล้วน่า”
จู่ๆคิริโนะก็พึมพำออกมาเบาๆโดยที่ไม่รู้ตัว ชินโดที่เดินอยู่ข้างๆก็ได้แต่สงสัย ว่าเจ้าตัวพึมพำอะไรออกมา
แต่เขาก็คิดว่าคงไม่มีอะไร เลยปล่อยให้มันผ่านไป
#relationship
“เฮ้อ...” คิริโนะถอนหายใจอีกครั้ง
ชินโดที่นั่งกินขนมปังกับนมมองแฟนของตัวเองถอนหายใจก็เริ่มสงสัยแล้วว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
ที่ทำให้รันมารุของเขาใช่เวลาคิดมาได้ครึ่งวัน
“เฮ้อ...” เอาอีกแล้วไง
“รันมารุ ถ้ามีอะไรนายก็บอกฉันได้เลยนะ
ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้คนเดียวหรอก จำไว้ว่ายังมีฉันที่ยังอยู่ข้างนายนะ” ชินโดพูดพลางเลื่อนมือของตัวเองไปกุมมือของรันมารุและบีบเบาๆ
เพื่อปลอบให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น แต่...
“ไม่เป็นไรหรอกทาคุโตะ ฉันไม่เป็นไร” เขาพยายามส่งยิ้มให้ทาคุโตะมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อให้ทาคุโตะสบายใจ เพราะถ้าบอกเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง มีหวังได้แย่ลงไปกว่าเดิมแน่
อ่า...ในมุมมองของชินโด
นี่มันเป็นยิ้มที่ไม่ได้แสดงถึงความโล่งใจขึ้นมาสักนิดเดียว
“ไว้นายพร้อมที่จะเล่าให้ฉันฟังแล้วกันนะ
แต่ตอนนี้ฉันว่านายรีบกินเถอะ เดี่ยวจะไม่มีแรงไปเรียนคาบพละในตอนบ่ายเอานะ ^^ ” เขาส่งยิ้มให้รันมารุ
และรันมารุเองก็ส่งยิ้มมาให้เขา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นยิ้มที่สดใสขึ้นมาหน่อย
หน่อยนึงอ่ะนะ
#relationship
15.00
คิริโนะกับชินโดกำลังนั่งคุยกันที่โซฟาสองคน
ส่วนคนอื่นๆยังไม่มา ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะว่านี่เพิ่งจะบ่ายสามโมงตรงเองนี่
แต่ที่ทั้งสองคนมาเร็วได้ นั่นก็เพราะว่าชั่วโมงสุดท้ายของอาจารย์วิชาคณิตฯปล่อยเร็ว
เหมือนจะดีนะ แต่ขอบอกว่าไม่เลย! เพราะถ้าวันไหนเลิกเร็วทีไร นักเรียนที่เรียนคาบของแกจะมีการบ้านเยอะท่วมหัวทุกที
ครืดด...
“มาแล้วคร้าบ!” หลังจากเสียงประตูเลื่อนถูกเปิด
ก็จะเป็นเสียงที่คุ้นหูของพวกเขา และคนคนนั้นก็คือ ‘มัทสึคาเสะ เทนมะ’ ที่ปกติแล้วจะมากับ
‘โซราโนะ อาโออิ’ และ ‘นิชิโซโนะ ชินสุเกะ’ แต่วันนี้ดันมากับ ‘สึรุงิ เคียวสุเกะ’
ซะงั้น อ่า...เรื่องนี้มันชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้วสิ
“อ้าวเทนมะ ทำไมวันนี้นายมากับสึรุงิล่ะ?” เป็นคิริโนะที่ถามรุ่นน้องที่น่ารักของตนเอง
“เอ่อ...อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
แหะๆ เดินไปเดินมา ไม่รู้ยังไง สึรุงิก็มาเดินด้วยคนซะแล้ว” เทนมะอธิบายทั้งๆที่ตนเองยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
แต่คนที่ฟังเนี่ยสิ ตรัสรู้เลย แถมยังมีการพยักหน้าให้กันแล้วหันมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
จนอดที่จะถามไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ? รุ่นพี่คิริโนะ
รุ่นพี่ชินโด”
“ไม่มี ไม่มี้ ไม่มีอะไรเลย~” คิริโนะพูดแล้วเหล่มองไปทางอื่นอย่างจงใจ
ใครๆก็ดูออก -.-“ ก่อนจะตามมาด้วยชินโดที่เอ่ยแซวเขา
“เอ...หรือว่าที่นายเจอสึรุงิมันจะผิด!”
“ผิดลิคม~”
“พรมลิขิต~”
สองสามีภรรยา(?)ต่อมุกให้กันเสร็จสรรพจนคนเย็นชาอย่างสึรุงิ
เคียวสุเกะคนนี้ต้องแอบหน้าแดง แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของสองรุ่นพี่อยู่ดี แค่ไม่ทักขึ้นมาเท่านั้นเอง
ส่วนอีกคนก็มีสีหน้างงงวยหนักกว่าเก่า ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“อะไรคือพรมลิขวิดเหรอครับ?”
“...”
“...”
“...”
ใบ้กินกันทั้งสามคน
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของสึรุงิที่แก้คำผิดให้ท่ามกลางความเงียบ
“พรมลิขิตต่างหากเล่า” เขาพูดพร้อมดันตัวเทนมะให้ไปนั่งที่เก้าอี้และโต๊ะที่ถูกตั้งเป็นชั้นๆ
แล้วจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของเทนมะที่ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อยเหมือนเด็กน้อยวัยใสไม่มีผิด(?)
สายตากรุ้มกริ่มทั้งสองคู่ก็ยังคงจ้องที่สองรุ่นน้องซึ่งกำลังอยู่ในช่วงกุ๊กกิ๊กกัน
แต่พอถูกสึรุงิหันมามอง พวกเขาทั้งคู่ก็หันกลับไปจู๋จี๋กันดังเดิม
“คิริโนะ”
“หืม?”
“นายว่าเราสองคนจะบอกคนอื่นดีไหม
ว่าเราทั้งสองคนกำลังคบกันอยู่”
“ถ้านายอยากบอกก็บอกไปเลย
เพราะอะไรที่ทำให้นายสบายใจ ฉันก็เห็นด้วยนะ” คิริโนะหันไปสบดวงตาสีเปลือกไม้พร้อมส่งยิ้มอบอุ่นให้
ชินโดคลี่ยิ้มตาม ก่อนจะเอนหัวลงซบคิริโนะ
“เออ...นี่ สึรุงิ
ทำไมรุ่นพี่ชินโดถึงซบไหล่รุ่นพี่คิริโนะหรอ?” เทนมะหันไปถามสึรุงิตาแป๋ว แต่ก็ได้มะเหงกกลับมา
โป๊ก!
“เลิกถามสักทีเถอะน่า”
#relationship
ขณะนี้เหล่าสมาชิกชมรมฟุตบอลไรมงต่างลงสนามกับ(เกือบ)ครบทุกคนแล้ว
ยกเว้นชินโดที่ยังบาดเจ็บที่ขาอยู่ ซึ่งเขากำลังนั่งอยู่ข้างๆอากาเนะที่รัวชัตเตอร์ใส่เขา
“เอ่อ...คุณยามานะ
ผมว่าเลิกรัวชัตเตอร์ใส่ผมสักทีเถอะครับ”
“ค่ะ ท่านชิน ^^ ”
และแล้วก็กลับมาสู่การบรรยายบรรกาศการซ้อมในสนามกลางแจ้ง
ลูกบอลได้ถูกเขี่ย(?)โดยเทนมะไปหาสึรุงิ
และตอนนี้สึรุงิก็บุกเข้าไปที่กองหลังของอีกฝั่งได้แล้ว ซึ่งเป็นฝั่งของรุ่นพี่คิริโนะ
แต่กองหลังของไรมงนั้นก็ยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่ามันแน่นหนาสักเท่าไหร่ และในที่สุด
เขาก็ฝ่าไปได้ แถมยังยิงเข้าไปอีกหนึ่งประตู
ตึกตึกตึกตึก
“เฮ้! สึรุงิ คุยด้วยหน่อย”
อยู่ๆคาริยะก็เดินไปหาสึรุงิและเรียกให้ไปคุยด้วย คนอื่นๆในสนามมองคาริยะเป็นตาเดียว
ส่วนคนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆอย่าชินโดก็ได้แต่ห่วง...
ห่วงว่าคาริยะจะทำอะไรบ้าๆกับรันมารุ
“ขอร้องล่ะสึรุงิ นะนะนะ”
คาริยะทำหน้าอ้อน(วอนเท้า)ใส่เขา จนต้องยอมพยักหน้าตกลง
ในขณะที่ทั้งสนามนั่งรอสึรุงิกับคาริยะเจรจาต้าอวยกันมากว่าห้านาที
ก็ได้ข้อสรุป...
“ทุกคน! ฟังทางนี้นะ
คือว่า...ฉันกับสึรุงิจะขอเปลี่ยนฝั่งกัน ฉันจะไปเป็นกองหน้าของทีมเทนมะ ส่วนสึรุงิก็จะไปเป็นกองหลังของของทีมรุ่นพี่คิริโนะ
เพราะฉะนั้นตกลงตามนั้นนะ” คาริยะอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นให้ทุกคนในสนามได้รับรู้
จนเกิดเป็นเสียงพูดคุยกัน บางส่วนแสดงความเห็นไม่ตรงกัน บางคนว่าดี เพราะหากเกิดเหตุที่ต้องเอาคนไปแทนกันแล้วดันเล่นตำแหน่งนั้นไม่ได้ก็จะเกิดปัญหา
ยกตัวอย่างเมื่อคราวเทนมะและชินสุเกะที่ต้องไปเป็นผู้รักษาประตู แต่โชคเข้าข้าง ที่ทั้งสองทำหน้าที่นั้นได้อย่างไม่มีเหตุขัดข้อง
“เฮ้ย!!! จะแข่งกันต่อได้หรือยัง!!!!!”
คุรามะตะโกนขึ้นเพื่อช่วยเรียกสมาธิให้คนในสนาม จะได้มาซ้อมต่อและกลับบ้าน เขาไม่สนหรอกนะ
ว่าใครจะทำอะไรยังไงน่ะ
ปี๊ดด!!!!!
โค้ชเอนโดเป่านกหวีดเพื่อเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว
ปึก
เทนมะเขี่ยบอลให้คาริยะบุกขึ้นไปตามที่ขอ
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ก็ตาม ไว้เขารอดูแล้วกัน ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ตึกๆๆๆๆๆ
คาริยะบุกขึ้นไปถึงกองหลังแล้ว...
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้ายนะคาริยะ”
เป็นเสียงสึรุงิที่ถามเขา
“นายน่ะ...”
“คิดจะทำอะไรกันแน่...?” เขาคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ
“ถ้าตอบได้ ฉันจะให้ผ่านไป
แต่ถ้าไม่...ก็จบลงตรงนี้แหละ” หึ! ยุ่งไม่เขาเรื่องจริงๆเลยสิน่า ก็ได้ อยากรู้...เขาก็จะบอกให้เอาบุญแล้วกันนะ
“ มัน เรื่อง ของ ฉัน
”
ฟึ่บ
คาริยะรีบผ่านสึรุงิไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสนามต่างตกอยู่ในความฉงนอีกครั้งเมื่อคาริยะผ่านสึรุงิไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่ความจริงเขาไม่น่าจะผ่านสึรุงิมาได้ด้วยซ้ำ!
“อ่า...ให้ตายสิ” สึรุงิพูดพร้อมปรายตาไปยังคาริยะที่ไปถึงตัวคิริโนะแล้ว
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคาริยะคิดยังไงกับรุ่นพี่คิริโนะ
เพียงแต่ว่า...เขาแค่คาดไม่ถึง ว่าคาริยะจะมีแผนแบบนี้เท่านั้นเอง “ร้ายไม่เบานี่”
#relationship
“ว่าไงครับรุ่นพี่คิริโนะ”
คาริยะเลี้ยงบอลมาถึงเขาแล้วส่งยิ้มให้ ไม่รู้เจ้าหมอนี่มันคิดอะไรอยู่นะ แต่มันไม่น่าจะดีกับตัวเขาแน่
- -“
แต่ก็นะ เมื่อนึกถึงประโยคเมื่อวานแล้วก็อดที่จะบอกว่ากลัวไม่ได้
เขากลัวใจตัวเองจริงๆ กลัวว่าจะไม่ได้มีแค่ทาคุโตะคนเดียว
อา..นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย?
คิริโนะปัดความคิดในหัวทิ้งไป
เขาเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างสนามครู่หนึ่ง
สายตาของทาคุโตะที่มองมายังพวกเขาทั้งคู่ ไม่สิ...ไม่ใช่ สายตาที่มองมายังคาริยะเสียมากกว่า
มันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสายตาแบบนี้ของทาคุโตะ
แต่ว่าตอนนี้เราต้องรีบขัดขวางเจ้าหมอนี่ไม่ให้ไปถึงประตูให้ได้
“ฉันไม่ให้นายผ่านไปหรอก!”
คิริโนะ รันมารุ
เขาจะรู้มั้ยนะ
“ครับ...”
ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
“ผมต่างหากที่ไม่ให้รุ่นพี่ผ่าน”
มันเข้าแผนของคาริยะพอดี
“เดอะ มิสต์!!!”
ทันทีที่เอ่ยจบ ก็มีหมอกควันสีขาวลอยออกมาบังตัวของคิริโนะและคาริยะ
คนที่อยู่ข้างนอกเองก็เชื่อว่าคาริยะต้องฝ่ากองหลังที่เก่งกาจอย่างคิริโนะไม่ได้แน่
แต่ใครจะรู้เล่า ว่าภายในม่านหมอกมันเกิดอะไรขึ้น
คาริยะที่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบบอลไว้
แต่ในใจก็ได้รอคอยให้รุ่นพี่คิริโนะจะออกมาเสียที
“พูดอย่างมั่นใจขนาดนั้น
นายคิดว่าจะผ่านฉันไปได้หรือคาริยะ” เสียงของรุ่นพี่ แต่ยังไม่เห็นรุ่นพี่เลย
“เอ้า! มัวแต่ยืนนิ่งอยู่นั่นแหละ
งั้นบอลลูกนั้นน่ะ...” เห็นเงาแล้ว!
“...ฉันขอนะ” ตอนนี้ล่ะ
คิริโนะที่เผยกายออกมา คาริยะจึงใช้โอกาสนี้ฉกชิงริมฝีปากของรุ่นพี่ที่ตัวเองหลงรัก
คิริโนะเองก็ยังปิดปากแน่น จนเขาต้องขบกัดริมฝีปากของรุ่นพี่ให้เปิดออก...
“อะ...อื้อออ” ...แล้วเขาก็สอดลิ้นเข้าไปกอบโกยความหวานให้มากที่สุด
ก่อนที่ม่านหมอกจะหายไป
พรึ่บ!
“ขอบคุณนะครับ รุ่นพี่คิริโนะ
^^ ” พลาด...คิริโนะพลาดแล้ว
เมื่อม่านหมอก เดอะ
มิสต์ จางหายไป บอลที่ไม่ได้ถูกชิงไปก็ถูกเตะเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ท่ามกลางความฉงนของคนในสนาม
ปี๊ดดดดด!!!!!!!!!!!
โค้ชเอนโดเป่านกหวีดจมเกม
“ปะ...เป็นไปไม่ได้
เขาผ่านคิริโนะไปได้ยังไง?!” อามางิมองคิริโนะที่ทรุดลงไปกับพื้นหญ้าตาค้าง
ชินโดที่ตอนนี้ฉุนขาดเดินตรงไปหาสึรุงิพร้อมปล่อยหมัดใส่เบ้าหน้าหล่อ
จนหันไปตามแรงหมัดและที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ผลัวะ
!!!
“มึงปล่อยให้แฟนกูไปอยู่กับไอ้เชี่ยนั่นได้ยังไง!!!”
#relationship
No comments:
Post a Comment